[NEW] | ทูซิดิดีส – Australia.xemloibaihat

ทูซิดิดีส: คุณกำลังดูกระทู้

อารยธรรมสมัยโบราณ เป็นรากฐานของความเจริญในยุคต่อมา อู่อารยธรรมในโลกตะวันตกนั้นประกอบไปด้วย อารยธรรมเมโสโปเตเมีย อารยธรรมอียิปต์ อารยธรรมกรีก และอารยธรรมโรมัน ซึ่งอารยธรรมเมโสโปเตเมีย และอารยธรรมอียิปต์นั้น ถือเป็นอู่อารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลกตะวันตก ทั้งสองอารยธรรมเกิดขึ้นในดินแดนที่ใกล้เคียงกัน แต่ภูมิประเทศที่แตกต่างกัน ทำให้มีเอกลักษณ์แตกต่างกัน อารยธรรมทั้ง 2 แหล่งนี้ โดยเฉพาะอารยธรรมอียิปต์ ได้มีอิทธิพลต่อการก่อรูปของอารยธรรมกรีกอย่างมาก ซึ่งโรมันเป็นพวกที่รับช่วงเอาอารยธรรมกรีกไปใช้ และต่อยอดจนกลายเป็นอารยธรรมโรมัน ที่ได้แพร่กระจายไปยังภูมิภาคต่างๆ ที่จักรวรรดิโรมันเคยยึดครอง และได้กลายเป็นแม่แบบทางวัฒนธรรมของโลกตะวันตกในปัจจุบัน


ภาพ : shutterstock.com

อารยธรรมเมโสโปเตเมีย

“เมโสโปเตเมีย” เป็นคำในภาษากรีก แปลว่า “ระหว่างแม่น้ำ” หมายถึงดินแดนที่ตั้งอยู่ในบริเวณลุ่มแม่น้ำ “ไทกริส” และ “ยูเฟรตีส” ปัจจุบันคือดินแดนของประเทศอิรัก

อารยธรรมเมโสโปเตเมียมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นหลายด้าน ทั้งเป็นกลุ่มอารยธรรมที่มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เท่าที่มีบันทึกหลงเหลือมาถึงปัจจุบัน และเป็นอารยธรรมที่เกิดจากการผสมผสานความรู้ และวิทยาการจากหลายเผ่าพันธุ์เข้าด้วยกัน โดยเป็นการรับมา และต่อยอดความคิดตลอดระยะเวลานับพันปี

สาเหตุที่อารยธรรมเมโสโปเตเมียเกิดจากการผสมผสานความรู้ และวิทยาการจากชนหลายเผ่า เกิดจากความที่เป็นดินแดนที่ราบลุ่มระหว่างแม่น้ำใหญ่สองสาย กินพื้นที่ส่วนใหญ่ของ “ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์รูปจันทร์เสี้ยว” (Fertile Crescent) ซึ่งแวดล้อมไปด้วยพื้นที่อันแห้งแล้งกันดารแบบทะเลทราย ทำให้ชนชาติต่างๆ หมายปองที่จะเข้ามาแย่งชิงพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์นี้ แต่เมื่อครอบครองดินแดนนี้ได้แล้ว กลับรักษาอำนาจไว้ได้ไม่นานนัก เมื่อถูกรุกรานก็ปราชัยแก่ผู้มาใหม่ เพราะปราการธรรมชาติไม่แข็งแรงพอ ที่จะช่วยป้องกันผู้ครอบครองอู่อารยธรรมแห่งนี้

ผู้ที่ครอบครองดินแดนเมโสโปเตเมีย จึงหมุนเวียนเปลี่ยนมือไปตลอดในหน้าประวัติศาสตร์ ชนกลุ่มต่างๆ ที่เข้ามาครอบครองดินแดนนี้ที่สำคัญ ได้แก่ ชาวสุเมเรียน อัคคาเดียน อามอไรต์ ฮิตไทต์ คัสไซต์ อัสซีเรียน และ คาลเดียน ก่อนที่จะปิดฉากอารยธรรมเมโสโปเตเมีย ด้วยการถูกยึดครองโดยจักรวรรดิเปอร์เซียในที่สุด

ชาวสุเมเรียน (3500 B.C.) เป็นชนเผ่าที่ยึดครองดินแดนแถบนี้เป็นพวกแรกในหน้าประวัติศาสตร์ ก่อนที่จะถูก ชาวอัคคาเดียน เข้ามายึดครอง อารยธรรมที่ถือกำเนิดขึ้นจากชาวสุเมเรียนได้แก่

       – ด้านเกษตรกรรม สร้างระบบชลประทานที่มีประสิทธิภาพสูง มีเขื่อนกั้นน้ำ อ่างเก็บน้ำ คลองระบายน้ำ ประตูน้ำ มีการเพาะปลูกด้วยเครื่องทุ่นแรงอย่างคันไถ เครื่องหยอดเมล็ดพืช เพาะปลูกข้าวสาลีเป็นหลัก มีการเลี้ยงวัวเพื่อรีดนมและเลี้ยงแกะเพื่อเอาขน
       – ด้านหัตถกรรม ทำเครื่องปั้นดินเผา ทอผ้าและย้อมสีผ้า
       – ด้านอุตสาหกรรม มีการใช้โลหะผสมอย่าง สำริด ทำเครื่องมือเครื่องใช้
       – ด้านเศรษฐกิจ มีการใช้สื่อกลางในการแลกเปลี่ยนซื้อขาย มีการใช้สัญญาทางการค้า
       – ด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม ใช้วัสดุก่อสร้างคือ “อิฐ” ที่ทำจากดินเหนียวตากแห้ง และดินเหนียวเผาไฟ สร้างเทวาลัยที่มีรูปแบบเฉพาะตัวที่เรียกว่า “ซิกกูแรต” (Ziggurat)
       – ด้านรัฐศาสตร์ ปกครองในรูปแบบนครรัฐ มีการแบ่งโครงสร้างชนชั้นในการปกครอง
       – ด้านคณิตศาสตร์ มีความก้าวหน้าทางคณิตศาสตร์ ทั้งพีชคณิต และเรขาคณิต เช่น การคำนวณพื้นฐาน เลขฐาน 60 การแบ่งวงกลมออกเป็น 360 องศา มีมาตราชั่งตวงวัด
       – ด้านดาราศาสตร์ แบ่ง วัน เดือน ปี โดยสร้างปฏิทินจันทรคติด้วยความรู้ทางดาราศาสตร์
       – ด้านวรรณกรรม ประดิษฐ์อักษรรูปลิ่มที่เรียกว่า “ตัวอักษรคูนิฟอร์ม” (Cuneiform) หนึ่งในตัวอักษรที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีการจารึกมหากาพย์ “กิลกาเมซ” (Gilgamesh) ลงบนแผ่นดินเหนียวเผาไฟ
       – ด้านศาสนา มีความเชื่อในพหุเทวนิยม มีการประพันธ์เทวปกรณ์อย่าง “เอนลิล” (Enlil) เป็นตำนานเทพเจ้า เรื่องราวของการกำเนิดโลก และเหตุการณ์น้ำท่วมโลก มีเทวาลัยของเทพแต่ละองค์ประจำเมือง มีนักบวชผู้ทำพิธีทางศาสนา

 

ชาวอามอไรต์ (1900-1600 B.C.) เป็นชนเผ่าที่มีอำนาจในดินแดนเมโสโปเตเมียต่อจากอัคคาเดียน โดยสามารถก่อตั้งจักรวรรดิ “บาบิโลเนีย” ครั้งที่หนึ่งขึ้นได้ สืบทอดอารยธรรมต่อจากสุเมเรียน และมีการต่อยอดทางอารยธรรมดังนี้

       – ด้านรัฐศาสตร์ ขยายอาณาเขต และสถาปนาเป็นจักรวรรดิบาบิโลเนีย
       – ด้านนิติศาสตร์ จัดทำประมวลกฎหมาย “ฮัมมูราบี” (The Code of Hammurabi) ซึ่งเป็นประมวลกฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่เก่าแก่ที่สุดในโลก แนวคิดสำคัญคือรัฐมุ่งผดุงความยุติธรรมเพื่อมอบสวัสดิภาพให้แก่พลเมือง โดยอาศัยหลัก “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” คือใครทำผิดอย่างไร ก็จะได้รับโทษอย่างเดียวกัน ซึ่งแนวคิดนี้ยังมีอิทธิพลในโลกอาหรับมาจนถึงปัจจุบัน

 

ชาวฮิตไทต์ เป็นเผ่าอินโดยูโรเปียนที่เก่งกาจในการรบมาก เนื่องจากเป็นพวกแรกที่รู้จักการถลุงเหล็กมาใช้ทำเครื่องมือและอาวุธ ทำให้กองทัพฮิตไทต์มีความเกรียงไกรมาก จนสามารถขยายอาณาเขตจากเอเชียไมเนอร์ มาจนถึงกรุงบาบิโลน และโค่นล้มจักรวรรดิบาบิโลเนียครั้งที่หนึ่งลงได้ จึงได้ปกครองเมโสโปเตเมียต่อมา ก่อนที่จะถูก ชาวคัสไซต์ เข้ามายึดครองกรุงบาบิโลนต่อในภายหลัง

 

ชาวอัสซีเรียน (800 B.C.) เดิมตั้งถิ่นฐานอยู่ทางตอนเหนือของกรุงบาบิโลน ต่อมาสามารถก่อตั้งจักรวรรดิอัสซีเรียได้สำเร็จ มีเมืองหลวงคือ เมืองนิเนเวห์ ชาวอัสซีเรียเป็นชนเผ่าที่รบเก่ง ภายหลังสามารถกรีฑาทัพลงมายึดครองบาบิโลเนียได้สำเร็จ อัสซีเรียมีความเจริญสูงสุดในสมัยของพระเจ้า “อัสซูบานิปาล” (Assurbanipal) ก่อนจะถูกทำลายลงโดยกองทัพผสมของเหล่าอริ อัสซีเรียนรับอารยธรรมจากสุเมเรียนเช่นกัน และได้ฝากอารยธรรมของชาตินักรบไว้ดังนี้

       – ด้านคมนาคม สร้างถนนเชื่อมดินแดนที่อยู่ภายใต้การปกครองทั้งหลาย ให้สะดวกในการสัญจร ทั้งการติดต่อสื่อสาร การค้าขาย และการเคลื่อนกำลังพลในการทำสงคราม
       – ด้านการทหาร ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงในสมัยนั้น มีการใช้ทหารรับจ้างในการรบ
       – ด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม ก่อสร้าง “พระราชวังซาร์กอน” (Palace of Sargon at Khosrabad)
       – ด้านศิลปกรรม แกะสลักภาพนูนต่ำ และภาพลอยตัว แสดงชีวิตประจำวันของชาวอัสซีเรีย
       – ด้านอักษรศาสตร์ สร้างห้องสมุดนิเนเวห์ ห้องสมุดขนาดใหญ่ที่เก็บรวบรวมแผ่นจารึกไว้กว่า 22,000 แผ่น

 

ชาวคาลเดียน (612-538 B.C.) เป็นเผ่าที่เข้าร่วมกับเผ่าอื่นในการทำสงครามกับอัสซีเรีย จนสามารถเข้ายึดกรุงนิเนเวห์ของอัสซีเรียได้ในที่สุด และได้สถาปนากรุงบาบิโลนขึ้นมาใหม่ รวมทั้งได้ดำเนินการรื้อฟื้นอารยธรรมเก่าแก่ของบาบิโลนด้วย อารยธรรมที่สำคัญของคาลเดียนมีดังนี้


ภาพ : shutterstock.com

       – ด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม ในสมัยพระเจ้า “เนบูคัดเนสซาร์” (Nebuchadnezzar) ด้วยความรู้ในระบบชลประทานที่เยี่ยมยอด ได้มีการสร้าง “สวนลอยบาบิโลน” (Hanging Gardens of Babylon) อันเลื่องชื่อ และเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ซึ่งอาศัยแรงงานของเชลยชาวยิว ที่ทรงกวาดต้อนมาหลังจากตีกรุงเยรูซาเลมแตก
       – ด้านดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ พัฒนาองค์ความรู้ทางดาราศาสตร์จนสามารถทำแผนที่ดวงดาวได้ สามารถคำนวณการเกิดสุริยคราส และจันทรคราสได้ เป็นต้นกำเนิดของการแบ่งสัปดาห์ออกเป็น 7 วัน และยังมีการนำเอาการโคจรของดวงดาวบนท้องฟ้า มาทำนายโชคชะตาของผู้คนอีกด้วย

 

อารยธรรมอียิปต์

“อียิปต์” หรืออีกชื่อหนึ่งคือ “ไอยคุปต์” เป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรมโบราณที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีความเก่าแก่ไม่น้อยไปกว่าอารยธรรมเมโสโปเตเมียที่อยู่ใกล้กัน ในสมัยโบราณ อียิปต์นั้นแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ อียิปต์ตอนบน และอียิปต์ตอนล่าง โดยอียิปต์ตอนบน (พื้นที่สูงกว่า) จะอยู่ด้านทิศใต้ ส่วนอียิปต์ตอนล่าง (พื้นที่ต่ำกว่า) จะอยู่ทางด้านทิศเหนือบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ “ไนล์” ที่ไหลออกสู่ทะเล “เมดิเตอร์เรเนียน”


ภาพ : shutterstock.com

บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ เป็นส่วนหนึ่งของ “ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์รูปจันทร์เสี้ยว” (Fertile Crescent) เช่นเดียวกับเมโสโปเตเมีย แม่น้ำไนล์จะมีน้ำหลากท่วมสองฝั่งทุกปี ในช่วงเดือนสิงหาคม ถึงตุลาคม กระแสน้ำจะพัดพาเอาตะกอนดินโคลนมาทับถมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งจะทำให้ดินฝั่งแม่น้ำมีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การปลูก

“เฮโรโดตุส” นักประวัติศาสตร์ชาวกรีกได้บันทึกว่า “อียิปต์คือของขวัญจากแม่น้ำไนล์” คำกล่าวนี้นับว่าไม่เกินเลย เนื่องจากอารยธรรมของอียิปต์ เกิดจากการฟูมฟักของธรรมชาติที่โดดเด่น อย่างลุ่มน้ำไนล์อย่างแท้จริง

ชาวอียิปต์ใช้ประโยชน์จากแม่น้ำไนล์แทบจะทุกด้าน เป็นแหล่งอาหาร ทั้งแหล่งประมง และพื้นที่เกษตรกรรม เป็นเส้นทางสัญจร ทั้งการคมนาคม การค้าขาย และการเดินทัพ อารยธรรมที่สั่งสมสืบทอดมาได้ส่วนหนึ่ง ก็อาศัยการบันทึกลงบนกระดาษที่ทำจากต้นกก “ปาปิรุส” ซึ่งขึ้นอยู่ตามริมน้ำนี้เอง

และนอกจากนั้น สภาพภูมิศาสตร์ที่แวดล้อมไปด้วยทะเลทรายกว้างใหญ่ มีลำน้ำผ่ากลางและท่วมหนักทุกปี ก็ยังเป็นปราการธรรมชาติที่ช่วยให้อียิปต์ได้มีช่วงเวลายาวนาน เพียงพอที่จะสั่งสมอารยธรรมโดยไม่ต้องคอยพะวงกับการรุกรานจากภายนอก เหมือนแถบเมโสโปเตเมียอีกด้วย

อารยธรรมอียิปต์แบ่งเป็น 3 ช่วงใหญ่ๆ คือ สมัยก่อนราชวงศ์ สมัยราชวงศ์ และสมัยเสื่อมอำนาจ

สมัยก่อนราชวงศ์มีเหตุการณ์สำคัญคือ “ราชาแมงป่อง” (Scorpion King) พยายามรวมอียิปต์ตอนบน และตอนล่างเป็นหนึ่งเดียว แต่สิ้นพระชนม์ก่อน จนถึงสมัย “ฟาโรห์เมเนส” (3150 B.C.) จึงสามารถรวมทั้งสองอาณาจักรเข้าด้วยกันได้สำเร็จ และสถาปนาตนเองเป็นฟาโรห์องค์ที่ 1 แห่งอียิปต์ มี “เมมฟิส” เป็นเมืองหลวง เริ่มเข้าสู่ช่วงราชวงศ์

จนกระทั่งสิ้นราชวงศ์ที่ 20 อียิปต์เข้าสู่ยุคเสื่อม เมื่อตกอยู่ภายใต้การปกครองของชนต่างเผ่าอย่าง ลิเบียน นูเบียน ต่อมาพ่ายแพ้ให้กับอัสซีเรียน (664 B.C.) และถูกยึดครองโดยจักรวรรดิเปอร์เซีย 2 ครั้ง (525-404 B.C. และ 341-332 B.C.) ก่อนที่เปอร์เซียจะปราชัยให้กับกรีก ซึ่งปกครองอียิปต์ต่อมา (332-30 B.C.) จนท้ายที่สุด ราชวงศ์ทอเลมีก็สิ้นสุดลง เมื่ออียิปต์ถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน (30 B.C.)


ภาพ : shutterstock.com

อารยธรรมที่โดดเด่นของอียิปต์มีดังนี้

– ด้านเกษตรกรรม มีระบบชลประทาน มีการทำนาริมฝั่งแม่น้ำ ปลูกข้าวสาลีทำขนมปัง ปลูกข้าวบาร์เลย์ผลิตเบียร์

– ด้านหัตถกรรม ทอผ้าลินิน ผลิตกระดาษปาปิรุส ทำเครื่องปั้นดินเผา ผลิตแก้ว

– ด้านอุตสาหกรรม ทำเหมืองหินแกรนิต หินทราย

– ด้านการแพทย์ มีการรักษาด้วยการผ่าตัด มีทันตแพทย์ ศัลยแพทย์ มีเทคนิคในการดองศพ หรือมัมมี

– ด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม ก่อสร้าง มัสตาบา (Mastaba) เทวาลัย สุสานกษัตริย์ พีระมิดหลายขนาด โดย “มหาพีระมิดแห่งกิซา” (The Great Pyramid of Giza) เป็นพีระมิดที่ใหญ่ที่สุด สร้างในสมัยฟาโรห์คูฟู และยังเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณที่ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบันอีกด้วย

– ด้านศิลปกรรม รูปเขียนสีตามฝาผนังสิ่งก่อสร้าง เสาวิหาร งานแกะสลักหินทั้งรูปนูนต่ำ รูปลอยตัว ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่

– ด้านรัฐศาสตร์ มีระบบการปกครองแบบสมมติเทพ ฟาโรห์มีอำนาจสูงสุด แบ่งชนชั้นเป็น 4 ชนชั้น

– ด้านคณิตศาสตร์ มีความก้าวหน้าทางคณิตศาตร์ พีชคณิต เรขาคณิต

– ด้านดาราศาสตร์ สร้างปฏิทินสุริยคติ แบ่งวันออกเป็น 365 วัน

– ด้านอักษรศาสตร์ ประดิษฐ์อักษรภาพ ไฮโรกลิฟฟิก (Hieroglyphic)

– ด้านศาสนา มีความเชื่อในพหุเทวนิยม เชื่อในชีวิตหลังความตาย มีคัมภีร์ทางศาสนาคือ “คัมภีร์มรณะ” (Book of the Dead)

 

อารยธรรมกรีก

“กรีก” เป็นชื่ออู่อารยธรรมที่สำคัญที่สุดในโลกตะวันตก เพราะเป็นรากเหง้าของความคิด และวิทยาการที่เจริญต่อมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ “กรีก” เป็นคำที่ชาวโรมันเรียก ส่วนชาวกรีกจะเรียกตัวเองว่า “เฮลลีน” (Hellene) และเรียกดินแดนของตัวเองว่า “เฮลลาส” (Hellas)

อารยธรรมกรีก เป็นผลรวมของอารยธรรมของอินโดยูโรเปียนเผ่าต่างๆ เช่น ไอโอเนียน ไมซีเนียน ดอเรียน ที่ครอบครองพื้นที่รอบๆ บริเวณทะเล “อีเจียน” (Aegean Sea) ตั้งแต่สองพันปีก่อนคริสตกาล จนกระทั่งถูกกลืนเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน โดยภูมิประเทศส่วนใหญ่ เป็นภูเขา และเกาะ ชาวกรีกจึงถนัดในการเดินเรือ ทั้งในการประมง การติดต่อค้าขาย และการเดินทัพเพื่อทำสงคราม แต่ไม่โดดเด่นเรื่องการเพาะปลูก เพราะที่ราบลุ่มมีน้อย และด้วยเหตุนี้ กรีกจึงมีลักษณะการปกครองแบบนครรัฐ รัฐต่างๆ เป็นอิสระต่อกัน ต่างจากอียิปต์ที่ลักษณะภูมิประเทศเอื้อให้มีการรวมศูนย์อำนาจได้ง่ายกว่า

แต่การที่นครรัฐต่างๆ ของกรีกไม่ได้รวมตัวเป็นจักรวรรดิใหญ่อย่างอียิปต์ หรือบาบิโลน ก็ไม่ได้ทำให้การพัฒนาอารยธรรม หรือวิทยาการของกรีกด้อยไปกว่าทั้งสองจักรวรรดิ เพราะกรีกได้เปรียบจากการเดินเรือติดต่อค้าขายกับดินแดนต่างๆ ทำให้ชาวกรีกมีโลกทัศน์กว้างกว่าชนชาติอื่นในเวลานั้น

การได้เห็นโลกมากกว่า พบประสบการณ์แปลกใหม่ตลอดเวลา ทำให้เกิดการพัฒนาความคิดทั้งการวิเคราะห์เปรียบเทียบความเหมือน ความต่าง ซึ่งเป็นพื้นฐานของการสร้างวิทยาการ และองค์ความรู้ใหม่ๆ และเกิดความคิดสร้างสรรค์จากการลอกเลียน และต่อยอดความรู้ของชนชาติอื่น สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้กรีกสามารถพัฒนาระบบความคิดได้อย่างโดดเด่น จนกลายเป็นแม่แบบของความคิดในโลกตะวันตกจนปัจจุบัน

ก่อนอารยธรรมกรีกจะเริ่มขึ้นนั้น มีอารยธรรมของ “ไมโนน” (Minoan) ที่ได้ก่อร่างขึ้นที่ “เกาะครีต” อยู่ก่อน จนต่อมาเผ่าอินโดยูโรเปียนพวก “เอเคียน” (Achaean) หรือชื่อใหม่คือ “ไมซีเนียน” (Mycenaean) จากแผ่นดินใหญ่เข้ามาแทนที่ (1400-1200 B.C.) จนกระทั่งไมซีเนียนถูกพวก “ดอเรียน” (Dorian) เข้ารุกราน จนอารยธรรมไมซีเนียนสิ้นสุดลง (1100 B.C.) จึงเริ่มเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคมืด


ภาพ : shutterstock.com

ยุคมืดนี้มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์น้อยมาก แต่มีเรื่องราวการรบพุ่งของวีรบุรุษชาวกรีก กับกรุงทอย ปรากฏอยู่ในมหากาพย์ “อีเลียด” (Iliad) และ “โอดิสซี” (Odyssey) บทประพันธ์ของมหากวีเอก “โฮเมอร์” (Homer) จึงเรียกชื่อยุคนี้ได้อีกอย่างหนึ่งว่า ยุคโฮเมอร์ มหากาพย์ทั้ง 2 เรื่องนี้ได้รับการบอกเล่าแบบปากต่อปาก จนกระทั่งกรีกมีตัวอักษรใช้ จึงได้มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรในภายหลัง (750-700 B.C.)

อารยธรรมกรีกแบ่งได้เป็น 2 ช่วงเวลา คือ “อารยธรรมเฮลเลนิก” (Hellenic Civilization, 750-336 B.C.) และ “อารยธรรมเฮลเลนิสติก” (Hellenistic Civilization, 336-31 B.C.) โดยช่วงอารยธรรมเฮลเลนิก หรือยุคคลาสสิก (Classical Age) ได้เกิดนครรัฐกรีกที่สำคัญคือ “เอเธนส์” (Athens) และ “สปาร์ตา” (Sparta)

เอเธนส์มีการปกครองแบบประชาธิปไตย พลเมืองมีความคิดก้าวหน้า มีเสรีภาพ เป็นบ้านเกิดของอารยธรรมทางความคิดของกรีก ส่วนสปาร์ตาปกครองแบบคณาธิปไตย เป็นรัฐเผด็จการทหาร ชาวสปาร์ตามีวินัยมาก มีความสามารถในการรบ ต่อมาจักรวรรดิเปอร์เซียได้ขยายอำนาจเข้ามาในเอเชียไมเนอร์ จนนำไปสู่สงครามกับเอเธนส์ (497 B.C.) แต่ผลของการรบเอเธนส์เป็นฝ่ายกำชัยชนะ (479 B.C.)

ภายหลังสงคราม นครรัฐต่างๆ ของกรีกได้รวมกันจัดตั้งสหพันธรัฐแห่งเกาะเดลอส เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกองทัพเปอร์เซีย โดยมีเอเธนส์เป็นหัวเรือใหญ่ ทว่าสหพันธรัฐเดลอสมีทีท่าว่าจะกลายเป็นจักรวรรดิเอเธนส์ สปาร์ตาจึงเปิดศึกกับเอเธนส์ และได้ชัยชนะ แต่สปาร์ตามีอำนาจเหนือเอเธนส์เพียงไม่นาน ก็ถูกเอเธนส์และนคร “ธีบีส” โจมตีจนพ่ายแพ้ (371-362 B.C.) ก่อนที่ “พระเจ้าฟิลลิปที่ 2” (Phillip II) แห่ง “มาเซโดเนีย” (Macedonia) จะยึดครองนครรัฐกรีกไว้ได้ทั้งหมด (338 B.C.)

หลังจากเมเซโดเนียปกครองกรีกทั้งปวงแล้ว อารยธรรมกรีกก็นับว่าเข้าสู่ยุคเฮลเลนิสติก “พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช” (Alexander the Great) โอรสของพระเจ้าฟิลิปที่ 2 ได้กรีฑาทัพไปปลดแอกหัวเมืองกรีกในเอเชียไมเนอร์ ที่ถูกเปอร์เซียยึดครองไว้ก่อนหน้า แล้วเคลื่อนทัพบุกยึดดินแดนต่างๆ ทั้ง อียิปต์ เมโสโปเตเมีย จนกระทั่งเอาชนะ “พระเจ้าดาริอัสที่ 3” แห่งจักรวรรดิเปอร์เซียได้อย่างเด็ดขาด

แล้วยังเคลื่อนทัพต่อมาจนกระทั่งถึงลุ่มน้ำ “สินธุ” ของอินเดีย สามารถยึดครองอินเดียทางเหนือได้บางส่วน ก่อนที่ทหารส่วนหนึ่งจะก่อหวอดเนื่องจากคิดถึงบ้าน อเล็กซานเดอร์มหาราชจึงยกทัพกลับ แต่ก็สิ้นพระชนม์ที่กรุงบาบิโลนเสียก่อน (323 B.C.) ด้วยวัยเพียง 33 ชันษา

การที่กรีกสามารถยกทัพข้ามทวีปยึดครองดินแดนได้ค่อนโลกอย่างไม่เคยมีมาก่อน เป็นรองเพียงดินแดนของจักรวรรดิมองโกลในเวลาต่อมาเท่านั้น ทำให้อารยธรรมกรีกได้แพร่กระจายไปยังภูมิภาคต่างๆ อย่างกว้างขวาง จึงเป็นที่มาของชื่อยุคเฮลเลนนิสติก อย่างไรก็ตาม อารยธรรมเฮลเลนนิสติกก็ถึงกาลสิ้นสุดลง เมื่อตกอยู่ภายใต้อำนาจของจักรวรรดิโรมัน (31 B.C.)


ภาพ : shutterstock.com

อารยธรรมที่เป็นมรดกตกทอดของกรีกมีดังนี้

– ด้านเกษตรกรรม พืชสำคัญ ได้แก่ มะกอก และองุ่น

– ด้านหัตถกรรม เกิดเครื่องปั้นดินเผากรีกโบราณ

– ด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม ซุ้มประตูโค้ง เสาหินแบบต่างๆ “ดอริก” “ไอโอนิก” และ “โครินเธียน” หลังคาจั่ว โรงละคร สนามกีฬากลางแจ้ง วิหารเทพเจ้าต่างๆ เช่น “วิหารพาร์เธนอน” (Parthenon) เทวาลัยของเทพี “อธีนา” “เทวรูปซูสแห่งโอลิมเปีย” (Statue of Zeus at Olympia) “วิหารอาร์ทิมิส” (Temple of Artemis at Ephesus) “มหารูปแห่งโรดส์” (Colossus of Rhodes) ในทะเลเอเจียน “ประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย” (Lighthouse of Alexandria) ซึ่ง 4 อย่างหลังเป็น 4 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ

– ด้านกีฬา ต้นกำเนิดกีฬา “โอลิมปิก” (Olympic Game, 776 B.C.)

– ด้านศิลปกรรม รูปปั้นเทพเจ้า และวีรบุรุษที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์ สมจริง ลายจิตรกรรมบนผนัง และภาชนะ ละคร “สุขนาฏกรรม” (Comedy) และ “โศกนาฏกรรม” (Tragedy)

– ด้านการแพทย์ เกิดบิดาแห่งการแพทย์ “ฮิปโปเครตีส” (Hippocrates)

– ด้านรัฐศาสตร์ กรุงเอเธนส์เป็นต้นแบบระบอบประชาธิปไตย

– ด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ กำเนิดทฤษฎีบทของ “ไพธากอรัส” (Pythagoras) เรขาคณิตแบบ “ยูคลิด” (Euclid) และ “อาร์คิมีดีส” (Archimedes)

– ด้านดาราศาสตร์ “เอราทอสธีนีส” (Eratosthenes) คำนวณความยาวรอบโลกได้ และค้นพบว่าการขึ้นลงของระดับผิวน้ำบนโลกขึ้นกับดวงจันทร์

– ด้านวรรณกรรม มหากาพย์ “อีเลียด” และ “โอดิสซี” ของ “โฮเมอร์”

– ด้านอักษรศาสตร์ ประดิษฐ์ตัวอักษรกรีก

– ด้านประวัติศาสตร์ กำเนิดบิดาแห่งวิชาประวัติศาสตร์โลก เฮโรโดตุส (Herodotus) และทูซิดิเดส (Thucydides) ผู้บันทึก “สงครามเพโลโพนีเซียน” (The Peloponnesian War)

– ด้านศาสนา ระบบความเชื่อแบบพหุเทวนิยม เทวปกรณ์กรีก

– ด้านปรัชญา มี “ธาลีส” (Theles) บิดาแห่งปรัชญาตะวันตก ผู้เริ่มอธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติด้วยเหตุผล รวมถึง “โซคราตีส” (Socrates) “พลาโต” (Plato) “อาริสโตเติล” (Aristotle) สามมหาปราชญ์แห่งเอเธนส์


ภาพ : shutterstock.com

อารยธรรมโรมัน

“อารยธรรมโรมัน” เป็นอารยธรรมของพวกอินโดยูโรเปียนเผ่า “ละติน” (Latin) และเผ่า “อีทรัสกัน” (Etruscan) ซึ่งตั้งรกรากอยู่ที่กรุงโรม ปัจจุบันอยู่ในประเทศอิตาลี จักรวรรดิโรมันรับช่วงอารยธรรมต่อมาจากจักรวรรดิมาเซโดเนีย หรือกรีก อีกทอดหนึ่ง หลังจากกลืนดินแดนกรีกไว้ใต้อำนาจได้ แม้จะเป็นผู้ชนะสงคราม แต่โรมันกลับเป็นฝ่ายรับเอาอารยธรรมในด้านต่างๆ จากกรีกมาเป็นแม่แบบ

ด้วยความที่ภูมิประเทศเป็นแหลมที่ยื่นยาวไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ชาวโรมันจึงเดินเรือติดต่อค้าขาย และทำสงครามชิงดินแดนอื่นได้อย่างสะดวก แม้พื้นที่ส่วนมากจะเป็นภูเขา แต่ก็ยังมีที่ราบลุ่มให้เพาะปลูกได้อย่างเพียงพอ ทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ทางตอนบนยังมีเทือกเขาสูง คอยเป็นปราการธรรมชาติป้องกันผู้รุกรานจากทางบกอีกด้วย ปัจจัยเหล่านี้เอื้อให้โรมันสั่งสมอำนาจ ความมั่งคั่ง และบ่มเพาะอารยธรรมของตนเองได้อย่างมั่นคง


ภาพ : shutterstock.com

ตามตำนานแล้ว กรุงโรมก่อตั้งขึ้นเมื่อ 753 ปีก่อนคริสตศักราช โดย “โรมูลัส” (Romulus) และ “รีมัส” (Remus) สองพี่น้อง โดยชื่อกรุงโรมตั้งตามชื่อของโรมูลัส ซึ่งโรมในช่วงแรกปกครองโดยกษัตริย์ ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนให้เป็น “สาธารณรัฐ” ซึ่งปกครองโดย “วุฒิสภา” แทน (509 B.C.)

การปฏิวัตินี้เกิดจากความขัดแย้งระหว่าง พวกละติน และผู้ปกครองชาวอีทรัสกัน หลังจากขับไล่กษัตริย์อีทรัสกันออกไปแล้ว ทั้ง 2 เผ่าก็ได้ผสมกลมกลืนกัน จนกลายเป็นบรรพบุรุษของชาวโรมันในเวลาต่อมา

ต่อมาภายหลัง เกิดความขัดแย้งในเรื่องสิทธิตามกฎหมายระหว่างชนชั้น ผลของความขัดแย้งนี้กลายเป็น “กฎหมาย 12 โต๊ะ” เป็นรัฐธรรมนูญที่ให้ความยุติธรรมแก่พลเมืองโดยเท่าเทียมกัน ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นมรดกของชาวโรมันโดยแท้ ที่ได้มอบไว้ให้แก่ชาวโลก

สาธารณรัฐโรมันมีกำลังกล้าแข็งขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถยึดครองคาบสมุทรอิตาลีได้ทั้งหมด และยังขยายอาณาเขตไปโดยรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน หลังจากเอาชนะพวก “คาร์เทจ” (Carthage) ซึ่งมีอำนาจในแถบตอนเหนือของอาฟริกาลงได้อย่างราบคาบ โรมันก็ยึดครองดินแดนยุโรปฝั่งตะวันตก ไปจนถึงสเปนในปัจจุบัน รวมทั้งดินแดนอาฟริกาตอนเหนือรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วย

กระทั่งถึงยุคของ “จูลีอัส ซีซาร์” (Julius Caesar) แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ของโรมัน ซึ่งตั้งตนเองเป็นผู้เผด็จการตลอดชีพ หลังจากปราบจลาจลในกรุงโรมลงได้ ซีซาร์กุมอำนาจเหนือวุฒิสภา ฝ่าฝืนกฎหมายโรมัน ยังความไม่พอใจให้วุฒิสมาชิกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเกรงว่าโรมันจะกลายเป็นระบอบจักรวรรดิ จึงวางแผนการลอบสังหารผู้เผด็จการตลอดชีพ แต่โรมันก็ไม่อาจเปลี่ยนชะตาได้

ภายหลังซีซาร์ถูกลอบสังหาร (44 B.C.) “ออคตาวีอัส” (Octavius) ทายาทบุญธรรมของซีซาร์ก็สามารถรวบอำนาจการปกครองอาณาจักรโรมันไว้ได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด สถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิ (Emperor) แห่งจักรวรรดิโรมัน (27 B.C.) มีพระนามว่า “ออกัสตัส” (Augustus) โดยตำแหน่งจักรพรรดิต่อมานิยมเรียกว่า “ซีซาร์” ตามชื่อสกุลของออคตาวีอัส

การที่โรมันสามารถยึดครองเมเซโดเนียได้ ทำให้ดินแดนส่วนที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของเมเซโดเนีย กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมันอันยิ่งใหญ่ไปด้วย ในยุคของจักรพรรดิออกัสตัสนี้ นับเป็นยุคทองที่จักรวรรดิโรมันรุ่งเรืองจนถึงขีดสุด อารยธรรมกรีกผสมโรมันได้แพร่กระจายไปยังดินแดนต่างๆ ทั่วภาคพื้นยุโรป อาฟริกาตอนบน ตลอดจนแถบเมโสโปเตเมีย

จักรวรรดิโรมันยังคงเรืองอำนาจต่อมา จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คือ เมื่อจักรพรรดิ “คอนสแตนติน” (Constantine) โปรดให้ย้ายเมืองหลวงจากกรุงโรมไปที่ “ไบแซนติอุม” (Byzantium) และตั้งชื่อเมืองหลวงใหม่ตามพระนามของพระองค์ว่า “คอนสแตนติโนเปิล” (Constantinople) ซึ่งปัจจุบันนี้คือเมือง “อิสตันบูล” ในประเทศตุรกี ส่งผลให้โรมันแตกออกเป็นสองอาณาจักรในเวลาต่อมา (395 A.C.) คือ โรมันตะวันตก มีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงโรมตามเดิม และโรมันตะวันออกซึ่งเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “จักรวรรดิไบแซนไทน์” (Byzantine) มีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล

จากนั้น อำนาจที่เคยยิ่งใหญ่ของโรมันก็เสื่อมถอยลงตามลำดับ จนกระทั่งอนารยชนเยอรมันเผ่า “วิซิกอธ” (Visigoth) ได้เข้ามารุกรานกรุงโรม (410 A.C.) จนกระทั่งจักรวรรดิโรมันที่ยิ่งใหญ่ต้องล่มสลายลงในปีคริสตศักราช 476 ถือเป็นการปิดฉากของอารยธรรมโลกตะวันตกสมัยโบราณลงแต่เพียงเท่านี้

อย่างไรก็ตาม แม้กรุงคอนสแตนติโนเปิลของจักรวรรดิไบแซนไทน์จะยังคงอยู่ แต่ด้วยเหตุที่จักรพรรดิคอนสแตนตินได้ประกาศให้ศาสนาคริสต์ เป็นศาสนาประจำจักรวรรดิโรมัน ทำให้อารยธรรมทางความคิดนับจากนี้ไปถูกปิดกั้น ไม่มีการพัฒนาทางความคิด และวิทยาการมากนัก ซึ่งต่างจากสมัยกรีกโดยสิ้นเชิง อารยธรรมตะวันตกจึงถือว่าเริ่มเข้าสู่ยุคมืด หรือยุคกลางนับจากนั้นมา

 

อารยธรรมที่โดดเด่นของโรมันมีดังนี้

– การทำปฏิทิน จูเลียส ซีซาร์ได้ปฏิรูปปฏิทินโรมันให้เป็น “ปฏิทินจูเลียน” เริ่มใช้เมื่อ 45 ปีก่อนคริสตศักราช โดยใน 1 ปี จะแบ่งเป็น 12 เดือน มี 365 วัน คล้ายกับระบบปฏิทินในปัจจุบัน


ภาพ : shutterstock.com

– ด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม มีการใช้ปูนซีเมนต์ ถนนคอนกรีตเชื่อมดินแดนต่างๆ มีท่อระบายน้ำ สะพาน ท่อส่งน้ำ (Aqueduct) โรงอาบน้ำสาธารณะ ระบบบำบัดน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล เสาโรมัน หลังคาโดม ประตูชัย (Triumphal Arch) ลานคนเมือง ฟอรัมทราจัน (Forum of Trajan) โรงละครและสนามกีฬา “โคลอสเซียม” (Colosseum) ซึ่งเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ เทวาลัยหรือวิหารเทพเจ้า “วิหารแพนธีออน” (Pantheon)

– ด้านศิลปกรรม ต่อยอดจากกรีก แกะสลักรูปลอยตัวเหมือนจริง

– ด้านการแพทย์ วิธีทำคลอดด้วยการผ่าหน้าท้อง มีการใช้ยาสลบ

– ด้านรัฐศาสตร์ ต้นแบบการปกครองแบบสาธารณรัฐ จัดทำประมวลกฎหมายคือ “กฎหมาย 12 โต๊ะ”

– ด้านอักษรศาสตร์ ประดิษฐ์ตัวอักษรโรมัน ภาษาละตินซึ่งเป็นรากของภาษายุโรปส่วนใหญ่

– ด้านศาสนา ระบบความเชื่อแบบพหุเทวนิยม การเผยแผ่ศาสนาคริสต์โรมันคาทอลิก

เรียบเรียงโดย : ​มรุตเทพ วงษ์วาโย

 

 

 

 

[NEW] พันกันใน Thucydides | ทูซิดิดีส – Australia.xemloibaihat

Louis Block,“ โต๊ะทำงานของ Bibliophile” (19 ค.)

ฉันไม่รู้แน่ชัดว่าช่วงเวลาแห่งความเศร้าโศกคืออะไร แต่ฉันคิดว่าฉันจะผ่านมันไปได้ทุกครั้งเมื่อใดก็ตามที่นักการเมืองหรือคนดังกล่าวอ้างถึงแบบคลาสสิก ความตกใจครั้งแรก – Shaquille O’Neal คิดว่าวิหารพาร์เธนอนในเอเธนส์เป็นไนท์คลับหรือไม่? จากนั้นความเจ็บปวด – คิดว่ามีอยู่ในกล่องจดหมายของคุณจริง ๆ ขอบคุณญาติที่มีความหมายดีข้อความในการบรรยายของวุฒิสภาในวุฒิสภาที่ระทมทุกข์ของ Ted Cruz เรื่องCatilinarian คนแรกกับ Barack Obama จากนั้นการปลอบใจของปรัชญา – ฉันอ่านหัวข้อนั้นอีกครั้งในApologyที่โสกราตีสกล่าวว่าไม่มีนักการเมืองหรือศิลปินในสมัยของเขารู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไร ในที่สุดฉันก็โน้มน้าวตัวเองว่าบางทีนี่อาจเป็นโอกาสถ้าไม่ใช่สำหรับวัฒนธรรมทั่วไปอย่างน้อยก็สำหรับตัวฉันเอง

ใส่ไดอารี่บ๊อบดีแลนซึ่งเป็นที่มีแบบฉบับตนเองคัดค้านให้ชื่อของหนึ่งในหนังสือของพระคัมภีร์ที่พงศาวดาร ในสองสามบทดีแลนเล่าถึงชีวิตของเขาในกรีนิชวิลเลจในช่วงต้นทศวรรษ 1960 ตอนที่เขายังไม่มีอพาร์ตเมนต์และยังคงเป็นเพื่อนร่วมบ้านระยะยาวเป็นเวลาหลายเดือน ในสมัยนั้นชาวแมนฮัตตันที่มีอพาร์ทเมนท์กว้างขวางเพียงพอสำหรับแขกเห็นได้ชัดว่ามีหนังสือที่น่าสนใจมากพอที่จะอ่าน (สมัยที่พวกเขาเป็นคนเปลี่ยนไปฉันคิดว่า) เพราะดีแลนอ้างว่าเป็นผู้นำชีวิตพเนจรทางปัญญาแบบคลาสสิก โฮสต์ของคุณออกไปทำงาน คุณอยู่บ้านและอ่านหนังสือของเขาทั้งวัน หรืออย่างน้อยนิ้วหัวแม่มือผ่านพวกเขา:

ฉันชอบอยู่กับคนอื่น ๆ มันไม่ยุ่งยากง่ายขึ้นและมีความรับผิดชอบเพียงเล็กน้อย – สถานที่ที่ฉันสามารถไปมาได้อย่างอิสระบางครั้งก็มีกุญแจห้องที่มีหนังสือปกแข็งมากมายบนชั้นวางและแผ่นบันทึกแผ่นเสียง ตอนที่ฉันไม่ได้ทำอย่างอื่นฉันจะใช้นิ้วหัวแม่มืออ่านหนังสือและฟังบันทึก (267)

ห้องสมุดของโฮสต์หนึ่งโดยเฉพาะดูเหมือนจะจับจินตนาการของเขา:

สถานที่แห่งนี้มีวรรณกรรมมากมายและคุณอดไม่ได้ที่จะสูญเสียความหลงใหลในความโง่เขลา จนถึงเวลานี้ฉันได้รับการเลี้ยงดูในสเปกตรัมทางวัฒนธรรมที่ทำให้จิตใจของฉันดำไปด้วยเขม่า แบรนโด. เจมส์ดีน Milton Berle มาริลีนมอนโร ลูซี่ Earl Warren และ Khrushchev, Castro, Little Rock และ Peyton Place Tennessee Williams และ Joe DiMaggio J. Edgar Hoover และ Westinghouse เนลสัน Holiday Inns และ Hot-Rod Chevys Mickey Spillane และ Joe McCarthy Levittown

เมื่อยืนอยู่ในห้องนี้คุณสามารถใช้มันเป็นเรื่องตลกได้ ที่นี่มีหนังสือเกี่ยวกับตัวอักษรการประดิษฐ์ตัวอักษรปรัชญาอุดมการณ์ทางการเมืองทุกประเภท สิ่งที่จะทำให้คุณร้องตา[sic] หนังสืออย่างFox’s Book of Martyrs , The Twelve Caesars , Tacitus บรรยายและจดหมายถึง Brutus Pericles ‘ สภาวะประชาธิปไตยในอุดมคติของ Thucydides’ The Athenian General – เรื่องเล่าที่จะทำให้คุณรู้สึกหนาวสั่น เขียนไว้เมื่อสี่ร้อยปีก่อนคริสตกาลและพูดถึงว่าธรรมชาติของมนุษย์เป็นศัตรูกับสิ่งที่เหนือกว่าเสมอ Thucydides เขียนว่าคำพูดในสมัยของเขาเปลี่ยนไปจากความหมายธรรมดาอย่างไรการกระทำและความคิดเห็นสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างไรในพริบตา มันเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเวลาที่เขาเป็นของฉัน (35–6)

ขั้นแรกคืออาการช็อก เกิดอะไรขึ้นที่นี่? นี่เป็นเพียงความล้มเหลวอย่างไม่น่าเชื่อโดยบรรณาธิการหรือไม่? (“ ตาหยี” ใครว่า“ ตาตี่”) การตรวจสอบชื่อหนังสือเพื่อให้ได้หนังสือที่ถูกต้องนั้นยากเพียงใด Fox’s for Foxe’sผิด แต่โดยทั่วไปยอมรับได้ แต่“ การบรรยาย” ของ Tacitus คืออะไร? เราไม่มีสิ่งนั้น และ“ จดหมายถึง Brutus”? Brutus เสียชีวิตไปสองร้อยปีในวันของ Tacitus Thucydides เขียนประวัติศาสตร์ แต่นั่นไม่ใช่ชื่อของมัน และ Pericles – นั่นเป็นชื่อที่เฉพาะเจาะจงอย่างน่าประทับใจสำหรับคนที่ไม่ได้เขียนหนังสือเลย

เขากล่าวถึงความคลาสสิกอีกสองเรื่องคือการเปลี่ยนแปลงของ Ovid ซึ่งเขาเรียกว่า “เรื่องสยองขวัญที่น่ากลัว” (มีการอธิบายผิดพลาดที่แย่กว่าการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมป๊อปหรือไม่) และที่แปลกประหลาดกว่านั้นคือหนังสือ “Sophocles” เกี่ยวกับธรรมชาติและหน้าที่ ของเทพเจ้า – ทำไมมีเพียงสองเพศ” ไม่จำเป็นต้องพูดนักโศกนาฏกรรมชาวกรีกไม่เคยเขียนหนังสือประเภทนี้หรือแม้แต่อะไรก็ตามที่คล้ายกับมันจากระยะไกล ของห้าคลาสสิกกล่าวถึงเพียงการอ้างอิงหนึ่งมีไม่มีข้อผิดพลาด: ซีซาร์สิบ เมื่อพิจารณาจากรายชื่อที่เหลือเราอาจโชคดีที่เขาไม่ได้พยายามจับคู่กับผู้แต่งหรืออธิบายเนื้อหา

ความเจ็บปวดสำหรับฉันเกิดขึ้นจริง ๆ เมื่อฉันอ่านเรื่องนี้เล็กน้อยพยายามคิดว่าตัวแก้ไขทิ้งข้อผิดพลาดเหล่านี้ไว้อย่างไรหรือทำไม (บรรณาธิการต้องการให้ Dylan ดูเหมือนคนโกหกขนาดใหญ่หรือไม่มันไม่ใช่บทบาทของ แก้ไขการจับแก้ไขได้อย่างง่ายดายผิดพลาด) ลองดูสิ่งที่จิม Kunstler นักเขียนหรือไม่? โรลลิงสโตน , กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ทาง “เขย่าแล้วมีเสียงดีแลนออกชื่อ – และสรุปเนื้อหาของพวกเขา – ราวกับว่าเขาได้อ่านพวกเขาและสำหรับเราทุกคน รู้ว่าเขาทำ”

ดูเหมือนว่าจะเป็นหลักสูตรที่หนักสำหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษานับประสาที่การลาออกจากวิทยาลัยอายุยี่สิบปี แต่ดีแลนเขย่าขวัญผ่านสิ่งเหล่านี้โดยไม่มีข้ออ้างและเช่นเดียวกับทุนการศึกษาของเขาซึ่งเตรียมให้เขาเข้าใจรูปแบบเพลงที่หลากหลายตามที่เขาต้องการการอ่านกว้าง ๆ นี้จะจ่ายออกไปในไม่ช้าด้วยความสามารถที่น่าทึ่งในการแต่งเนื้อเพลงที่ซับซ้อนน่าดึงดูด

กล่าวอีกนัยหนึ่งการเรียกชื่อเช่นรัฐในอุดมคติของ Pericles ควรจะสร้างความประทับใจให้กับผู้คนที่เป็นนักเขียนให้กับนิตยสารโรลลิงสโตนและไม่รู้ว่า Pericles ไม่เคยเขียนหนังสือใด ๆ เลย แต่รู้ว่าการอ่าน Pericles เป็นลักษณะที่ลึกซึ้ง คน. และได้ผล: มันสร้างความประทับใจให้พวกเขา ลองดูว่า Richard Thomas นักคลาสสิกมืออาชีพจาก Harvard จัดการข้อความนี้อย่างไรในบทความชื่อ“ The Streets of Rome: The Classical Dylan ” หลังจากระบุว่าการเรียกประวัติศาสตร์ของ Thucydides แม่ทัพแห่งเอเธนส์นั้น“ ไม่จำเป็นต้องเป็นความผิดพลาด” (โดยไม่เคยบอกว่ามันอาจจะเป็นอย่างไร) Thomas กล่าวถึงบรรณานุกรมของ Dylan

เป็นที่น่าแปลกใจว่าหนังสือสามเล่มนี้เป็นหนังสือที่ไม่มีอยู่จริง แต่ในรูปแบบที่ละเอียดอ่อน: ทาซิทัสเขียนบทสนทนาเกี่ยวกับนักพูด (รวมถึงบรูตัสที่ตายไปนานแล้วซึ่งซิเซโรเขียนจดหมายที่ยังมีชีวิตอยู่จริง) Pericles ซึ่งเป็นนายพลชาวเอเธนส์ไม่ได้เขียนอะไรเลยที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่มีขนาดใหญ่ใน Thucydides ซึ่งมีผลงานประกอบไปด้วยคำปราศรัยงานศพที่มีชื่อเสียงของนายพลซึ่งถือว่าเป็นรัฐในอุดมคติของประชาธิปไตยในเอเธนส์ Sophocles เขียนเฉพาะโศกนาฏกรรม แต่มักจะเกี่ยวกับธรรมชาติและหน้าที่ของเทพเจ้า

ดังนั้นความจริงที่ว่ามีใครบางคนเมื่อสองศตวรรษก่อน Tacitus เขียนจดหมายถึง Brutus หมายความว่าการอ้างว่า Tacitus เป็นผู้เขียนนั้นเป็นเรื่องปกติหรือไม่? นั่นจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องพอ ๆ กับผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่บอกสื่อมวลชนว่าอัลบั้มโปรดของเขาคือเพลงคู่ที่ Bob Dylan ทำกับ Antonio Salieri Pace Professor Thomas จริงๆแล้วมันไม่ได้บอบบางมากนัก Dylan ไม่สามารถตั้งชื่อเรื่องได้ถูกต้องเนื้อหาน้อยกว่ามาก โศกนาฏกรรมของ Sophocles ไม่เพียง แต่ไม่เกี่ยวกับธรรมชาติและหน้าที่ของเทพเจ้าเท่านั้น แต่ Thomas ยังไม่ได้พยายามปกป้องสิ่งที่เป็นส่วนที่แปลกประหลาดของคำกล่าวอ้างของ Dylan นั่นคือ Sophocles ได้รับทฤษฎีว่าทำไมจึงมีเพียง สองเพศ เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าโทมัสยอมรับความไม่ถูกต้องแบบนี้จากแม้แต่นักศึกษาปริญญาตรีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

แต่บางทีนี่อาจเป็นเพียงสัญญาณของความเป็นจริงที่น่าเศร้าที่ในโลกหลังประวัติศาสตร์แม้แต่ท่าทางที่ชัดเจนที่สุดต่อความถูกต้องก็ไม่สำคัญ ประเด็นทั้งหมดของการเสแสร้งคือการได้มาซึ่งรูปลักษณ์ของความฉลาดและความซับซ้อนโดยปราศจากวินัยและความพยายาม การเป็นนักโพสก็เพียงพอแล้วสำหรับคนดังเช่นเดียวกับนักการเมือง

แต่แน่นอนเพลโตกล่าวถึงปรากฏการณ์นี้ในApologyเมื่อโสคราตีสพูดถึงทั้งกวีและนักการเมือง ( Apology 21c , 22b-c ):

ประสบการณ์ของฉันเป็นเช่นนี้: ฉันคิดว่าเขาดูฉลาดสำหรับหลาย ๆ คนและโดยเฉพาะกับตัวเขาเอง แต่เขาไม่ใช่ … ในไม่ช้าฉันก็รู้ว่ากวีไม่ได้แต่งบทกวีด้วยความรู้ แต่เกิดจากพรสวรรค์บางอย่างและโดยแรงบันดาลใจเช่นผู้หยั่งรู้ และศาสดาพยากรณ์ที่พูดสิ่งที่ดีมากมายโดยไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูด

นี่ไม่ได้หมายความว่าเพลงของ Bob Dylan ไม่ดี แต่มันชี้ให้เห็นแง่มุมของสิ่งเหล่านี้ที่ Clive James กล่าวไว้ในบทความเรียงความที่มีชื่อเสียงของเขาในปี 1972 เรื่อง Bob Dylanซึ่งถอดความโดย Kunstler ได้อย่างยอดเยี่ยม:“ Dylan ได้ทำงานที่น่าประหลาดใจในการพัฒนาความเป็นผู้ใหญ่ของเขาและไม่ใช่งานที่ดีในการพัฒนาวุฒิภาวะของเขา ” มันจะเป็นสัญญาณของความแก่ก่อนวัยที่จะรับรู้ว่ามีสมบัติจริงในหนังสือเหล่านี้และตื่นเต้นกับพวกเขาและได้รับแรงบันดาลใจจากพวกเขาแม้ว่ามันจะเป็นเพียงจุดที่ต้องการแสร้งทำเป็นรู้จักพวกเขาก็ตาม เป็นงานของวุฒิภาวะที่จะต้องมีวินัยเพียงพอที่จะทำให้คำโกหกและการแสร้งทำเป็นจริงในช่วงแรก ๆ เหล่านั้น – การอ่านหนังสือที่คุณทำนายไว้ในวัยเยาว์นั้นเป็นเรื่องจริงและสำคัญและด้วยสายตาที่เป็นผู้ใหญ่จะมองเห็นได้มากขึ้นไปอีก แต่ดีแลนไม่แสดงอาการบ่งชี้ถึงสิ่งนั้น ไม่มีวี่แววว่าเขาจะกลับไปอ่านหนังสือเหล่านี้เพื่อทำความรู้จักกับเนื้อหาของหนังสือเหล่านี้หรือแม้แต่ตั้งชื่อหนังสือให้ถูกต้อง ไม่น่าแปลกใจ แต่ก็น่าผิดหวังเล็กน้อย

และ Dylan ที่ยังเยาว์วัยก็แสดงแววตาแก่แดดอย่างน้อยหนึ่งตัวอย่าง: คำอธิบายที่น่าทึ่งของ Thucydides เกี่ยวกับการนองเลือดของพรรคระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยและชนชั้นสูงใน Corcyra ได้ทำลายความสัมพันธ์ทางสังคมอย่างสิ้นเชิงและโดยที่“ ธรรมชาติของมนุษย์…แสดงให้เห็นอย่างภาคภูมิใจในสีที่แท้จริงของมัน ในฐานะที่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมความหลงใหลไม่ยอมแพ้ต่อแนวคิดเรื่องความยุติธรรมศัตรูกับสิ่งที่เหนือกว่าตัวมันเอง” (จากการแปล Rex Warner Penguin ซึ่ง Dylan อาจเคยเห็น):

เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์คำพูดก็ต้องเปลี่ยนความหมายตามปกติเช่นกัน สิ่งที่เคยอธิบายว่าเป็นการแสดงความก้าวร้าวอย่างไร้ความคิดตอนนี้ถือได้ว่าเป็นความกล้าหาญที่เราคาดหวังว่าจะพบในสมาชิกพรรค การคิดถึงอนาคตและการรอคอยเป็นเพียงอีกวิธีหนึ่งในการบอกว่าคนขี้ขลาด ความคิดใด ๆ เกี่ยวกับการกลั่นกรองเป็นเพียงความพยายามที่จะอำพรางตัวละครที่ไม่มีมารยาท ความสามารถในการเข้าใจคำถามจากทุกด้านหมายความว่าคำถามนั้นไม่เหมาะสำหรับการดำเนินการ ( 3.82 )

ในฉากนี้ Thucydides แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของความคิดและการเขียนที่ทำให้เขาเป็นคนคลาสสิกอย่างแท้จริง:

ในเมืองต่างๆการปฏิวัติเหล่านี้เป็นสาเหตุของภัยพิบัติมากมาย – ตามที่เกิดขึ้นและจะเกิดขึ้นเสมอในขณะที่ธรรมชาติของมนุษย์เป็นอย่างที่เป็นอยู่แม้ว่าอาจจะมีระดับความป่าเถื่อนที่แตกต่างกันและเมื่อมีสถานการณ์ที่แตกต่างกันกฎทั่วไปจะยอมรับ ความหลากหลาย. ในช่วงเวลาแห่งความสงบสุขและความเจริญของเมืองและแต่ละคนต่างก็ปฏิบัติตามมาตรฐานที่สูงกว่าเพราะพวกเขาไม่ได้ถูกบังคับให้อยู่ในสถานการณ์ที่พวกเขาต้องทำในสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการทำ แต่สงครามเป็นครูที่เข้มงวด ในการกีดกันพวกเขาจากพลังในการตอบสนองความต้องการประจำวันของพวกเขาอย่างง่ายดายมันทำให้จิตใจของคนส่วนใหญ่ลดระดับลงไปถึงระดับของสถานการณ์จริง

มันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม มันทำให้ฉันอยากค้นหาข้อมูลอ้างอิงที่เหลือของ Dylan หากเพียงแค่มีอยู่จริง

ท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้หรือไม่? ไม่ว่าดีแลนจะอ้างหนังสือปลอมให้ทาซิทัส“ Knocking on Heaven’s Door” และ“ Like A Rolling Stone” และอื่น ๆ อีกมากมายที่ Dylan เขียน – จะยังคงเป็นเพลงที่ยอดเยี่ยม เขาไม่จำเป็นต้องเป็นนักปรัชญาก็สามารถเป็นกวีได้และเขาไม่จำเป็นต้องเป็นนักประวัติศาสตร์เพื่อให้เขามีที่อยู่ในประวัติศาสตร์ เห็นได้ชัดว่าโสกราตีสไม่ประทับใจกวีในสมัยของเขาในฐานะนักปรัชญา แต่เมื่อเราคิดว่าพวกเขาเป็นกวีประเภทใด – โซโฟคีลีสอริสโตฟานีสยูริพิดิสเราแทบไม่กังวลว่าพวกเขาจะเป็นนักปรัชญาที่ดี และบันทึกความทรงจำนั้นเต็มไปด้วยข้อผิดพลาดเนื่องจากขึ้นอยู่กับความทรงจำที่ผิดพลาดของเรา

แต่ทุกชุมชนมีมาตรฐานเกี่ยวกับข้อผิดพลาด บางคนยอมรับว่าเป็นอาการสะอึกทางจิตหรืออาการแปลก ๆ แต่คนอื่น ๆ หมายความว่าคุณไม่สามารถกดได้ – คุณต้องแก้ไขให้ถูกต้อง ถ้า Dylan ประกาศไม่ว่าด้วยเหตุผลใด – จำผิดหรือลื่นมือหรือไม่สนใจ – อัลบั้มของ Beatles Nixonทำให้เขาหนาวสั่น (ตามที่เขาอ้างว่าThe Athenian Generalของ Thucydides ทำ) หรือยกย่องให้Exile On Main Stในฐานะผลงานที่ดีที่สุดของ Ella Fitzgerald อาจมีคนแก้ไขข้อผิดพลาดหรือผู้ตรวจสอบจะโจมตี

เมื่อพูดถึงศิลปินและงานของพวกเขาโดยเฉพาะการได้รับรายละเอียดที่ถูกต้องถือเป็นสัญญาณแห่งความเคารพ ดีแลนถึงกับพยายามเรียกทูซิดิเดสในฐานะเพื่อน -“ มันเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเวลาที่เขาเป็นของฉัน” – แต่เขาไม่ได้ปฏิบัติกับเขาแบบนั้น เขาปฏิบัติต่อเขาในแบบที่นักเลงชื่อดังหวังว่าเพียงการเรียกชื่อจะช่วยเพิ่มความแวววาวให้กับบุคลิกของเขา เขาให้โอกาสเราในการทำความเข้าใจกับ Thucydides ของเรา – และเราควรขอบคุณเขาสำหรับสิ่งนั้น – แต่เขายังคงทิ้งฉันไว้โดยหวังว่าเราจะมีวัฒนธรรมที่คนดังของเรามีความสามารถมากกว่าความผิดพลาดที่เต็มไปด้วยข้อผิดพลาดในโลกของ คลาสสิก

John Byron Kuhnerสอนภาษาละตินเป็นเวลาสิบปีก่อนที่จะย้ายไปอยู่ในกระท่อมนอกตารางในเทือกเขา Catskill ในปี 2008 ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ใช้เวลาอ่านคิดเขียนสังเกตธรรมชาติและปลูกพืช มากขึ้นจากการเขียนของเขาสามารถพบได้ที่www.johnbyronkuhner.com

Eidolon เป็นสิ่งพิมพ์ของ Palimpsest Media LLC Facebook | ทวิตเตอร์ | Tumblr | Patreon | เก็บ


เจ้าหญิงหมาป่า | The Wolf Princess in Thai | Thai Fairy Tales


เจ้าหญิงหมาป่า | The Wolf Princess in Thai | นิทาน | นิทานไทย | การ์ตูน | 4K UHD | Thai Fairy Tales
Parental guidance:
Some material of this video may not be suitable for children’s Below 13 year’s of age.
คำแนะนำผู้ปกครอง
เนื้อหาบางส่วนของวีดีโอเราอาจจะไม่เหมาะกับเด็กอายุต่ำกว่า 13
Watch Stories in English on our English Fairy Tales Channel : http://www.youtube.com/c/EnglishFairyTales
Top 25 stories Play List
https://www.youtube.com/playlist?list=PLxc3aXYiyRbCs_t7LTcMYONDxRtcbp6R
💙 ชมวิดีโอเพิ่มเติม 💙 Watch More Videos in Thai 💙
► ราพันเซล Rapunzel in Thai https://youtu.be/wv7vDU7WhpU
► ทัมเบลินา Thumbelina in Thai https://youtu.be/OdlxdTQST9E
► แจ็คผู้ฆ่ายักษ์ Jack and the Beanstalk in Thai https://youtu.be/cFYYeWuFBoA
► ไฮดี้ Heidi in Thai https://youtu.be/FxrEPqQFcfk
► เจ้าหญิงนิทรา Sleeping Beauty in Thai https://youtu.be/TeZGebqXM2c
► โกลด์ดิล็อคกับหมีสามตัว Goldilocks and the Three Bears in Thai https://youtu.be/zqPISWt0COM
► หนูเมืองและหนูชนบท Town mouse and Country mouse in Thai https://youtu.be/z2ajdjmdf1Q
► มนุษย์ขนมปังขิง The Gingerbread Man in Thai https://youtu.be/4O07gGvcJXM
► ราชสีห์กับหนู Lion and the Mouse in Thai https://youtu.be/YiEQlbxbWfY
► ไก่แดงแสนขยัน The Little Red Hen in Thai https://youtu.be/_BAfybiLOw
► โฉมงามกับเจ้าชายอสูร Beauty and the Beast in Thai https://youtu.be/Rz9HCGmAbSs
► หนูน้อยหมวกแดง Little Red Riding Hood in Thai https://youtu.be/9ewYk4C1W1I
► ลิตเติ้ล เมอร์เมด – The Little Mermaid in Thai https://youtu.be/3ADF5NHTns
► สองสหายกับหมี The Bear and Two Friends in Thai https://youtu.be/Jp0Spku2oPo
► สโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด Snow White And The Seven Drwafts in Thai https://youtu.be/pXUnHZiYEPY
► รัมเพลสติลสกิน Rumpelstiltskin in Thai https://youtu.be/vZBJg8nQAys
► ลูกเป็ดขี้เหร่ The ugly duckling in Thai https://youtu.be/AhkakdxFTgQ
► เจ้าชายกบ Frog prince in Thai https://youtu.be/xmwH5ZL0hrw
► ซินเดอเรลล่า Cinderella in Thai https://youtu.be/O6m9VNwML1E
► ฮันเซล และ เกรเทล Hansel and Gretel in Thai https://youtu.be/eSr2F3BWCR8
officialthaifairytales
ช่องแฟรี่เทลส์ แชนเนล และวีดีโอทั้งหมดของทางช่องนั้นไม่ได้มีเนื้อหาสำหรับเด็กที่เข้าข่ายละเมิดสิทธิเด็กที่อายุไม่เกิน 13 ปี และไม่ได้มีไว้เพื่อเด็กอายุ ต่ำกว่าเกณฎ์ 13 ปี
ช่องแฟรี่เทล แชนเนล กับเจ้าของของทางช่อง ตัวแทน และหน่วยงานและพนักงานทั้งหมดไม่ได้มีการเก็บข้อมูลของเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี และไม่มีการยอมให้บุคคลภายนอกหรือบุคคลที่สามละเมิดข้อมูลส่วนตัวของเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี
ทางช่องแฟรี่ เทล แชนเนล ขอปฏิเสธความรับผิดชอบด้านการเก็บข้อมูลทั้งหมดต่อระเบียบการข้อบังคับของยูทูปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้สนับสนุน ของยูทูป และกลุ่มบุคคลที่สามทั้งหมด
Disclaimer ►
The Thai Fairy Tales Channel and all of its videos are not “directed to children” within the meaning of Title 16 C.F.R. § 312.2 of CHILDREN’S ONLINE PRIVACY PROTECTION ACT (USA) are not intended for children under 13 years of age. Thai Fairy Tales CHANNEL and its owner(s), agents, representatives, and employees do not collect any information from children under 13 years of age and expressly deny permission to any third party seeking to collect information from children under 13 years of age on behalf of Thai Fairy Tales CHANNEL. Further, Thai Fairy Tales CHANNEL denies any and all liability or responsibility for the practices and policies of YouTube and its agents and subsidiaries, or any other affiliated third party, regarding data collection.

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

เจ้าหญิงหมาป่า | The Wolf Princess in Thai | Thai Fairy Tales

แพ้ความอ่อนแอ – Silly fools [Official MV]


เพลง : แพ้ความอ่อนเเอ
ศิลปิน : Silly Fools
Executive Supervisor : วุฒินันต์ ภิรมย์ภักดี
Executive Producer : ปฎิเวธ อุทัยเฉลิม
Producer จักริน จูประเสริฐ / เทวฤทธิ์ ศรีสุข
Lyrics Director ฟองเบียร์
Lyrics กฤษณะ ปานดอนลาน / กระเส่าคิงส์
Melody จักริน จูประเสริฐ
Arranger จักริน จูประเสริฐ
Vocal Director จักริน จูประเสริฐ
Chorus จักริน จูประเสริฐ
Recording Engineer จักริน จูประเสริฐ / ขัตมาน ชูกลิ่น
Mixed by จักริน จูประเสริฐ
Mastered by วู๊ดดี้ พรพิทักษ์สุข (Woody Pornpitaksuk) at Westside Mastering
Recorded at TonetintoyStudio
Mixdown at TonetintoyStudio
Special guest
Drums Recorded by: ต่อตระกูล ใบเงิน
SILLY FOOLS BAND
Vocal กฤษณะ ปานดอนลาน
Bass เทวฤทธิ์ ศรีสุข
Guitar จักริน จูประเสริฐ
Drums รัตน์ โกบายาชิ
ไปอยู่ตรงนั้นเธอเป็นอย่างไร
เเละวันนี้เธอทำอะไร
อยากจะเห็นว่าเธอมีความสุข
จะได้รู้ว่าฉันนั้นทำถูกที่ปล่อยมือของเธอ
ไปอยู่กับเขามันดีใช่ไหม
เเหละนิสัยเขาเป็นยังไง
ต่างจากฉันเหลือเกินทุกอย่าง
รู้ว่ามันไม่เคยสว่างทางที่เธอเเยกไป
ก็เพราะฉันนั้นยังฝังอยู่ จมในวันเก่าๆของหัวใจ
สมองฉันเเม้เจียนจะใกล้ตาย ก็ยังคงเตือนว่าอย่าห่วงเธอ
เเต่กลับเป็นใจฉันเอง ที่มันไม่ยอมจะปล่อยมือ
กลับเป็นใจฉันเอง ใจไม่ยอมจะปล่อยเธอ ให้หลุดลอยไป
ตัดพ้อตัวเองเสมอ
กับเรื่องเดิมๆอย่างนั้น
ที่ผ่านมาเเล้วฉันคือความสุข
ไม่ต้องห่วงฉันก็เเค่ความสุขเก่าอันเดิมของเธอ
ก็เพราะว่าฉันนั้นยังฝังอยู่ จมในวันเก่าๆของหัวใจ
สมองฉันเเม้เจียนจะใกล้ตาย ก็ยังคงเตือนว่าอย่าห่วงเธอ
เเต่กลับเป็นใจฉันเอง ที่มันไม่ยอมจะปล่อยมือ
กลับเป็นใจฉันเอง ใจไม่ยอมจะปล่อยเธอ
กลับเป็นใจฉันเอง ที่มันไม่ยอมจะปล่อยมือ
กลับเป็นใจฉันเอง พ่ายเเพ้ให้ความอ่อนเเอไม่อดทน
เเหละนี่คือคน เหตุผลไม่มีในใจฉันหรอก อิจฉาเกินไปจนลืมที่บอก
ว่าเธอกับฉันมันคนละทาง ห่วงกับหึงมันเส้นบางๆ บางๆเท่านั้น
Solo
เเต่กลับเป็นใจฉันเอง ที่มันไม่ยอมจะปล่อยมือ
กลับเป็นใจฉันเอง ใจไม่ยอมจะปล่อยเธอ
เเต่กลับเป็นใจฉันเอง ที่มันไม่ยอมจะปล่อยมือ
กลับเป็นใจฉันเอง ใจไม่ยอมจะปล่อยเธอ ให้หลุดลอยไป
(ฉัน…เอง คนที่มันทำร้ายเธอ ) ให้หลุดลอยไป
(หัว…ใจ พอสักทีวันนี้เธอ) ให้หลุดลอยไป
Digital Download
492 2222 กด 88
ติดต่องานจ้าง 06 2494 9583
ติดตามผลงานเพิ่มเติม
https://www.facebook.com/Merecordslabel
https://www.facebook.com/sillyfoolsband
Instagram
https://www.instagram.com/merecordslabel
https://www.instagram.com/sillyfoolsband
Twitter : https://twitter.com/MeRecordsLabel
สร้างรายได้จากการ cover เพลงนี้ติดต่อ [email protected]
แพ้ความอ่อนแอ SillyFools นิวเคลียร์หรรษา NewclearHansa merecordslabel muzikmove

แพ้ความอ่อนแอ - Silly fools [Official MV]

สองแสบป่วนสุดพลัง หมดแรงเลยทีเดียว | Due Arisara EP.30 [ENG CC]


DueArisara อังเปาเหม่ยลี่ frenchbulldog
คิดถึงลูกมากกกก บอกเลยว่าไปอเมริกาคืออยากกอดสุดๆเลยพาสองแสบมาป่วนสักหน่อยพามาเดินเล่นมาดูความวุ่นวายของสองแสบกันน
สำหรับท่านที่สนใจสามารถนัดเยี่ยมชมโครงการ
Call 1265 หรือ www.mqdc.com
หรือ 101 True Digital Park
Tel. : 020091101 Ext. 1101
WhizdomInspireSukhumvit 101TrueDigitalPark
PLEASE SUBSCRIBE ❤
(For work) ICECREAM คุณซี
Tel : 0823242915
Email : [email protected]

สองแสบป่วนสุดพลัง หมดแรงเลยทีเดียว | Due Arisara EP.30 [ENG CC]

Michael Learns To Rock – Take Me To Your Heart [Official Video] (with Lyrics Closed Caption)


For latest news of Michael Learns To Rock:
http://www.mltr.dk
http://youtube.com/michaellearnstorock
http://facebook.com/michaellearnstorock
http://instagram.com/michaellearnstorock
http://twitter.com/officialmltr
Lyrics

Hiding from the rain and snow
Trying to forget but I won’t let go
Looking at a crowded street
Listening to my own heart beat
So many people all around the world
Tell me where do I find someone like you girl
Take me to your heart, take me to your soul
Give me your hand before I’m old
Show me what love is, haven’t got a clue
Show me that wonders can be true
They say nothing lasts forever
We’re only here today
Love is now or never
Bring me far away
Take me to your heart, take me to your soul
Give me your hand and hold me
Show me what love is, be my guiding star
It’s easy, take me to your heart
Standing on a mountain high
Looking at the moon through a clear blue sky
I should go and see some friends
But they don’t really comprehend
Don’t need too much talking without saying anything
All I need is someone who makes me wanna sing
Take me to your heart, take me to your soul
Give me your hand before I’m old
Show me what love is, haven’t got a clue
Show me that wonders can be true
michaellearnstorock mltr takemetoyourheart

Michael Learns To Rock - Take Me To Your Heart [Official Video] (with Lyrics Closed Caption)

มาแรง! โครตบูม ทับทิมกรอบ – ส่งซิก – โดดิด่ง อาร์ตี้ \u0026 สแน็ก PT MUSIC วาไรตี้เพลงดัง มันส์ๆ


TPmedia ทีพีมีเดีย สาวสวยเสียงดี
ติดตามผลงานัยทึกการแสดงสดได้ทุกวันเวลา 15.00 น. ทางช่อง TP.Media นะจ๊ะ

มาแรง! โครตบูม ทับทิมกรอบ - ส่งซิก - โดดิด่ง อาร์ตี้ \u0026 สแน็ก PT MUSIC วาไรตี้เพลงดัง มันส์ๆ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆWiki

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ทูซิดิดีส

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *