เครื่องหมาย ทาง คณิตศาสตร์ มี อะไร บ้าง: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
Table of Contents
จับมือทำเงื่อนไขสัญลักษณ์ทีละขั้นตอน (Step by Step)
เงื่อนไขสัญลักษณ์เป็นข้อสอบที่ดูเหมือนจะยาก แต่ถ้ารู้หลักการทำข้อสอบแล้วจะเป็นเรื่องที่สามารถทำคะแนนให้เราได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านทำความเข้าใจหลักการทำโจทย์เงื่อนไขสัญลักษณ์
หลักการตอบคำถาม
ในข้อสรุปที่โจทย์ให้มาในแต่ละข้อจะสามารถตอบได้ 3 คำตอบคือ จริง, เท็จ และสรุปไม่ได้(ไม่แน่ชัด) โดยโจทย์เงื่อนไขสัญลักษณ์จะมีหลักการตอบคำถาม ดังนี้
- ตอบ 1. เมื่อข้อสรุปทั้ง 2 ข้อเป็นจริง
- ตอบ 2. เมื่อข้อสรุปทั้ง 2 ข้อเป็นเท็จ
- ตอบ 3. เมื่อข้อสรุปทั้ง 2 ข้อสรุปไม่ได้
- ตอบ 4. ถ้าข้อสรุปทั้ง 2 ข้อไม่ตรงกัน
ขั้นตอนการทำโจทย์เงื่อนไขสัญลักษณ์
- แปลงเครื่องหมาย
- หาตัวเชื่อมระหว่างเงื่อนไขทั้ง 2 บรรทัด
- หาข้อสรุป
มาลองทำโจทย์กันเลย
โจทย์นี้เป็นข้อสอบจริงปี 2562โดยให้โจทย์จะให้เงื่อนไขมาดังนี้
- ข้อสรุปที่ 1 B < C
ข้อสรุปที่ 2 D > I - ข้อสรุปที่ 1 F = I
ข้อสรุปที่ 2 2E > A - ข้อสรุปที่ 1 B < 3E
ข้อสรุปที่ 2 M > N - ข้อสรุปที่ 1 2M < F
ข้อสรุปที่ 2 14 > N - ข้อสรุปที่ 1 C = D
ข้อสรุปที่ 2 A > F
ขั้นตอนที่ 1 แปลงเครื่องหมาย
ขั้นตอนแรกเราจะต้องทำการแปลงเครื่องหมายที่เราไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน ให้เป็นเครื่องหมายที่เราใช้ในชีวิตประจำวันก่อนเพื่อให้เราเปรียบเทียบได้ง่ายขึ้น
- เครื่องหมายที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน > , ≥ , < , ≤ , ≠
- เครื่องหมายที่ไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน
อ่านว่า ไม่มากกว่า
อ่านว่า ไม่น้อยกว่า
ในขั้นตอนนี้เราจะทำการแปลงเครื่องหมาย
(ไม่มากกว่า) เป็น ≤ (น้อยกว่าหรือเท่ากับ)
(ไม่น้อยกว่า) เป็น ≥ (มากกว่าหรือเท่ากับ)
***** ระวังจะลืมเครื่องหมายเท่ากับตอนแปลงเครื่องหมาย ******
แต่ในโจทย์ข้อนี้ไม่ได้มีเครื่องหมาย หรือ มาให้ ดังนั้นเราข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย
ขั้นตอนที่ 2 หาตัวเชื่อมระหว่างเงื่อนไขทั้ง 2 บรรทัด
ในการที่จะเปรียบเทียบเงื่อนไขสัญลักษณ์ที่อยู่คนละบรรทัดเราจำเป็นต้องมี ตัวเชื่อมที่อยู่ทั้งบรรทัดบนและบรรทัดล่าง แต่ถ้าไม่มีก็แสดงว่า เราไม่สามารถเปรียบเทียบสัญลักษณ์ที่อยู่คนละบรรทัดได้ นั่นคือถ้าอยู่คนละบรรทัดก็ตอบสรุปไม่ได้เลยทันที แต่ส่วนใหญ่โจทย์จะไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
ในโจทย์ข้อนี้จะมีสัญลักษณ์ 2 ตัวคือ A และ E
A < B < (C + D) = 2E
(A + E) > F < M = 3N > I
แต่เมื่ออยู่ในรูปของ A + E ต้องทำการแปลงให้อยู่ในรูปของ A และ E เราจะได้ว่า
A < B < (C + D) = 2E
A < (A + E) > F < M = 3N > I
และ
A < B < (C + D) = 2E > E
E < (A + E) > F < M = 3N > I
ขั้นตอนที่ 3 หาข้อสรุป
ในขั้นตอนนี้เราจะทำการพิสูจน์ว่าข้อสรุปที่โจทย์ให้นั้นเป็นจริง, เป็นเท็จ หรือ สรุปไม่ได้ โดยจะต้องทำการนำส่วนที่เกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์ที่โจทย์ให้ออกมาก่อน แล้วทำการหาข้อสรุป
- ถ้าเครื่องหมายไปทางเดียวกัน เช่น A > B = C (เท่ากับ ไปทางซ้ายหรือขวาก็ได้)
- ถ้าเครื่องหมายสวนทางกัน A > B = C < D
- ถ้าเครื่องหมาย ≠ ให้แยกเป็น 2 กรณีคือ มากกว่า หรือ น้อยกว่า
เช่น A > B ≠ C จะเป็นได้ทั้ง A > B > C และ A > B < C ทำให้ A กับ C นั้นสรุปไม่ได้ทุกเงื่อนไข
ข้อ 1 ข้อสรุปที่ 1 B < C
จากโจทย์ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ B และ C คือ
B < (C + D)
ให้เราเพิ่มส่วนของ C เข้าไป เนื่องจาก C + D มากกว่า C จะกลายเป็น
B < C+D > C
แต่เนื่องจากเครื่องหมายกลับด้าน ทำให้เราไม่สามารถสรุปได้ว่า B < C
ดังนั้น ข้อสรุปนี้ สรุปไม่ได้(ไม่แน่ชัด)
**** ข้อควรระวัง ถ้าจะตอบว่าสรุปไม่ได้หรือไม่แน่ชัดต้องดูให้ดีว่าได้เปรียบเทียบ B หรือ C ครบทุกเงื่อนไขแล้ว ในโจทย์ข้อนี้ไม่มีทั้ง B และ C อยู่ในตำแหน่งอื่นๆอีกแล้ว ****
ข้อ 1 ข้อสรุปที่ 2 D > I
จากโจทย์ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ D และ I คือ
(C + D) = 2E > E < (A + E) > F < M = 3N > I
ซึ่งจะเห็นว่ามีเครื่องหมายที่สวนกันอยู่จึงทำให้ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้
ดังนั้น ข้อสรุปนี้ สรุปไม่ได้(ไม่แน่ชัด)
ลองพิจารณาเพิ่มเติมว่า D สามารถเปรียบเทียบกับใครได้บ้าง เพื่อยืนยันคำตอบที่ได้
โดยจากเงื่อนไข A < B < (C + D) = 2E
แปลงเป็น
A < B < (C + D) > D = 2E > E
D สามารถจะเปรียบเทียบกับ E ได้ตัวเดียวเนื่องจากเครื่องหมายไปทางเดียวกัน หลังจากนั้นเราจะทำการหาต่อว่า E มากกว่า สัญลักษณ์ตัวใดบ้าง ถ้ามีแสดงว่าเราสามารถเปรียบเทียบ D กับสัญลักษณ์ตัวนั้นๆ ได้ด้วย แต่เนื่องจากในโจทย์ข้อนี้ไม่มีเงื่อนไขที่บอกว่า E มากกว่า สัญลักษณ์อะไรเลย ก็สรุปได้เลยว่า D นั้นเปรียบเทียบได้กับ E ตัวเดียวเท่านั้น ตัวอื่นตอบสรุปไม่ได้ทุกตัว
ในทำนองเดียวกัน เราสามารถคิดแบบนี้กับ C ได้ด้วยเนื่องจาก C+D แตกออกเป็น 2 กรณี คือ C+ D > D และ C + D > C
เมื่อพิจารณาข้อสรุปทั้ง 2 ข้อแล้ว ข้อสรุปทั้งสอง สรุปไม่ได้ทั้งคู่ ดังนั้นข้อนี้เลยตอบ 3
ข้อ 2 ข้อสรุปที่ 1 F = I
จากโจทย์ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ F และ I คือ
F < M = 3N > I
ซึ่งจะเห็นว่า F และ I นั้นเครื่องหมายสวนทางกันจึงทำให้ข้อสรุปนี้ สรุปไม่ได้(ไม่แน่ชัด)
ลองพิจารณาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันคำตอบจากโจทย์
M = 3N > I
จะเห็นว่า I สามารถเปรียบเทียบได้กับ M และ N เท่านั้น ซึ่งถ้าเราจะเปรียบเทียบ I กับค่าใด ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า 3N หรือ M นั้นน้อยกว่าสัญลักษณ์ตัวใด แต่เนื่องจากในโจทย์ข้อนี้ไม่มีเงื่อนไขใดเลยที่เกี่ยวข้องกับ 3N และ M
ข้อ 2 ข้อสรุปที่ 2 2E > A
จากโจทย์ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ 2E และ A คือ
A < B < (C + D) = 2E
เนื่องจาก เครื่องหมายไปในทิศทางเดียวกันเราเลยสามารถสรุปได้ว่า
A < 2E
ซึ่งตรงกับเงื่อนไขที่โจทย์ให้ ดังนั้นข้อสรุปนี้ เป็นจริง
เมื่อพิจารณาข้อสรุปทั้ง 2 ข้อแล้ว ข้อสรุปที่ 1 สรุปไม่ได้ แต่ข้อสรุปที่ 2 เป็นจริง ดังนั้นข้อนี้เลยตอบ 4
ข้อ 3 ข้อสรุปที่ 1 B < 3E
จากโจทย์ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ B และ E คือ
B < (C + D) = 2E
เครื่องหมายไปทางเดียวกันเราเลยสรุปได้ว่า
B < 2E
ซึ่ง 2E < 3E เนื่องจากสัมประสิทธิ์(เลข 2) น้อยกว่า 3 เราจึงได้ว่า
B < 2E < 3E
เครื่องหมายไปทางเดียวกันเราเลยสรุปได้ว่า
B < 3E
ซึ่งตรงกับข้อสรุปที่โจทย์ให้ ดังนั้นข้อสรุปนี้ เป็นจริง
ข้อ 3 ข้อสรุปที่ 2 M > N
จากโจทย์ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ M และ N คือ
M = 3N
ซึ่ง 3N > N นำไปแทนค่าจะได้
M = 3N > N
เครื่องหมายไปทางเดียวกัน เราเลยสามารถสรุปได้ว่า
M > N
ซึ่งตรงกับข้อสรุปที่โจทย์ให้ ดังนั้นข้อสรุปนี้ เป็นจริง
เมื่อพิจารณาข้อสรุปทั้ง 2 ข้อแล้ว ข้อสรุปทั้งสองเป็นจริงทั้งคู่ ดังนั้นข้อนี้เลยตอบ 1
ข้อ 4 ข้อสรุปที่ 1 2M < F
จากโจทย์ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ M และ F คือ
F < M
ซึ่ง M < 2M นำไปแทนค่าจะได้
F < M < 2M
เครื่องหมายไปทางเดียวกัน เราเลยสามารถสรุปได้ว่า
F < 2M
ซึ่งตรงข้ามข้อสรุปที่โจทย์ให้ ดังนั้นข้อสรุปนี้ เป็นเท็จ
ข้อ 4 ข้อสรุปที่ 2 I/4 > N
จากโจทย์ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ I และ N คือ
3N > I
ทำการหารด้วย 3 ทั้งสองข้าง จะได้
N > I/3
ซึ่ง I/3 > I/4 นำไปแทนค่าจะได้
N > I/3 > I/4
เครื่องหมายไปทางเดียวกัน เราเลยสามารถสรุปได้ว่า
N > I/4
ซึ่งตรงข้ามข้อสรุปที่โจทย์ให้ ดังนั้นข้อสรุปนี้ เป็นเท็จ
เมื่อพิจารณาข้อสรุปทั้ง 2 ข้อแล้ว ข้อสรุปทั้งสองเป็นเท็จทั้งคู่ ดังนั้นข้อนี้เลยตอบ 2
ข้อ 5 ข้อสรุปที่ 1 C = D
จากโจทย์ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ C และ D มีเพียงจุดเดียวคือ C+D ซึ่งไม่ใช่เงื่อนไข การบวกไม่ใช่ สมการหรือ อสมการ เพราะไม่ได้มีการเปรียบเทียบค่า ดังนั้นในข้อนี้ตอบเลยว่า ข้อสรุปนี้ สรุปไม่ได้(ไม่แน่ชัด)
ข้อ 5 ข้อสรุปที่ 2 A > F
จากโจทย์ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ A และ F คือ
A < (A + E) > F
ซึ่งจะเห็นว่า A และ F นั้นเครื่องหมายสวนทางกันจึงทำให้ข้อสรุปนี้ สรุปไม่ได้(ไม่แน่ชัด)
ลองพิจารณาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันคำตอบจากโจทย์
(A + E) > F < M = 3N
จะเห็นว่า F สามารถเปรียบเทียบได้กับ M, N และ A+E เท่านั้น และระหว่าง A+E ก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับ M และ N ได้(เนื่องจากเครื่องหมายสวนทาง) และจากวิธีการคิดด้านบน
A < (A + E) > F
ทั้ง A และ E ไม่สามารถจะเปรียบเทียบกับ F ได้(เครื่องหมายสวนทางกัน) แต่ในทางกลับกันถ้าโจทย์ ให้มาว่า A+E < F แบบนี้จะทำให้ทั้ง A และ E สามารถเปรียบเทียบกันได้ทันที และเมื่อเปรียบเทียบกันได้เราก็สามารถหาข้อสรุปได้
เมื่อพิจารณาข้อสรุปทั้ง 2 ข้อแล้ว ข้อสรุปทั้งสอง สรุปไม่ได้ทั้งคู่ ดังนั้นข้อนี้เลย ตอบ 3
สั่งซื้อชุดแพ็คคู่สุดคุ้ม ครบ 4 วิชา
ราคา
555
บาท
(จัดส่งฟรี)
สั่งซื้อตอนนี้
[Update] เครื่องหมายและการดำเนินการในภาษา C | เครื่องหมาย ทาง คณิตศาสตร์ มี อะไร บ้าง – Australia.xemloibaihat
การดำเนินการในการเขียนโปรแกรมภาษา C มีอยู่ 3 ประเภท คือ การคำนวณทางคณิตศาสตร์ การ
ดำเนินการทางตรรกศาสตร์ และการเปรียบเทียบ ซึ่งการดำเนินการแต่ละประเภทจะมีเครื่องหมายที่ต้องใช้เพื่อ
เขียนคำสั่งสำหรับการดำเนินการประเภทนั้น ๆ ดังรายละเอียด
เครื่องหมายการคำนวณทางคณิตศาสตร์
เครื่องหมายที่ใช้สำหรับการคำนวณทางคณิตศาสตร์ใช้ภาษา C สรุปดังนี้
เครื่องหมาย
ความหมาย
ตัวอย่าง
+
บวก
3+2 การบวกเลข 3 บวกกับ 2 ได้ผลลัพธ์คือ 5
–
ลบ
3 – 2 การลบเลข 3 ลบกับ 2 ได้ผลลัพธ์คือ 1
*
คูณ
2*3 การคูณเลข 3 บวกกับ 2 ได้ผลลัพธ์คือ 6
/
หาร
15/2 การหาร 15 หารกับ 2 ได้ผลลัพธ์คือ 7
%
หารเอาเศษ
15%2การหารเอาเศษ 15 หารกับ 2 ได้ผลลัพธ์คือ 1
++
เพิ่มค่าขึ้น 1 โดย
a++ จะนำค่าของ a ไปใช้ก่อนแล้วจึง
เพิ่มค่าของ a ขึ้น 1
++a จะเพิ่มค่าของ a ขึ้น 1 ก่อนแล้วจึง
นำค่าของ a ไปใช้
b=a++;
จะมีความหมายเทียบเท่ากับ 2 บรรทัดต่อไปนี้
b=a;
a=a+1;
b=++a;
จะมีความหมายเทียบเท่ากับ 2 บรรทัดต่อไปนี้
a=a+1;
b=a;
—
ลดค่า 1 โดย
a– จะนำค่าของ a ไปใช้ก่อน แล้วจึง
ลดค่าของ a ลง 1
–a จะลดค่าของ a ลง 1 ก่อน แล้วจึงนำค่าของ a ไปใช้
b=a–;
จะมีความหมายเทียบเท่ากับ 2 บรรทัดต่อไปนี้
b=a;
a=a-1;
b=–a;
จะมีความหมายเทียบเท่ากับ 2 บรรทัดต่อไปนี้
a=a-1;
b=a;
ตัวดำเนินการเปรียบเทียบ
ใช้เปรียบเทียบค่า 2 ค่าเพื่อแสดงการเลือก ซึ่งโปรแกรมโดยทั่วไปใช้ในการทดสอบเงื่อนไขตามที่กำหนด
การเปรียบเทียบโดยการเท่ากันของ 2 ค่าจะใช้เครื่องหมาย ==
เครื่องหมาย
ความหมาย
ตัวอย่าง
>
มากกว่า
a > b a มากกว่า b
>=
มากกว่าหรือเท่ากับ
a >= b a มากกว่าหรือเท่ากับ b
<
น้อยกว่า
a < b a น้อยกว่า b
<=
น้อยกว่าหรือเท่ากับ
a <= b a น้อยกว่าหรือเท่ากับ b
==
เท่ากับ
a == b a เท่ากับ b
!=
ไม่เท่ากับ
a != b a ไม่เท่ากับ b
ตัวดำเนินการตรรกะ
การดำเนินการเปรียบเทียบค่าทางตรรกะ( และ หรือ ไม่)
เครื่องหมาย
ความหมาย
ตัวอย่าง
&&
และ
x < 60 && x > 50 กำหนดให้ x มีค่าในช่วง 50 ถึง 60
||
หรือ
x == 10 || x == 15 กำหนดให้ x มีค่าเท่ากับตัวเลข 2 ค่า คือ 10 หรือ 15
!
ไม่
x = 10 !x กำหนดให้ x ไม่เท่ากับ 10
การเขียนนิพจน์ในภาษา C
นิพจน์ในภาษา C ก็คือ การนำข้อมูลและตัวแปรในภาษา C มาดำเนินการด้วยเครื่องหมายทาง
คณิตศาสตร์ ตรรกศาสตร์ หรือเครื่องหมายเปรียบเทียบในภาษา C เป็นตัวสั่งงาน ดังตัวอย่าง
ลำดับความสำคัญของเครื่องหมาย
ส่วนใหญ่นิพจน์ที่เขียนขึ้นในโปรแกรมมักจะซับซ้อน มีการดำเนินการหลายอย่างปะปนอยู่ภายในนิพจน์
เดียวกัน
ลำดับความสำคัญ
ลำดับความสำคัญจากสูงไปต่ำ
1
( )
2
!,++,- –
3
*,/,%
4
+,-
5
<,<=,>,>=
6
= =,!=
7
&&
8
||
9
*=,/=,%=,+=,-=
ตัวอย่างการทำงานของโอเปอเรเตอร์
จงหาค่าของนิพจน์ 8 + 7 * 6
วิธีทำ
1. ให้สังเกตที่ตัวโอเปอเรเตอร์ก่อนเสมอว่ามีโอเปอเรเตอร์อะไรบ้าง ในที่นี้มี + และ *
2. ทำการไล่ลำดับความสำคัญของโอเปอเรเตอร์ทั้งหมดเปรียบเทียบกัน จากตัวที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดไปยัง
ตัวที่มีลำดับสำคับต่ำสุด
ลำดับความสำคัญจากสูงไปต่ำ โอเปอเรเตอร์
*
+
3. จากข้อ 2 จะได้ลำดับการทำงานเป็นดังนี้
ขั้นที่ 1 7 * 6 = 42
ขั้นที่ 2 8 + ค่าที่ได้จากขั้นที่ 1
= 8 + 42
= 50
ดังนั้น 8 + 7 * 6 = 50
จงหานิพจน์ต่อไปนี้
x*y – 20%z
1) x * y
2) 20%z
3) 1) – 2)
(a – b)*10/c && d + 5
1) a – b
2) 1)*10
3) 2)/c
4) d+5
5) 3) && 4)
(a + b) * 4 = = c%d(e+10)
1) a + b
2) e + 10
3) 1) * 4
4) d * 2)
5) c %4)
6) 3) = = 5)
Share this:
Like this:
Like
Loading…
Related
บทเรียน e-learning วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ที่ควรรู้
บทเรียน elearning วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ที่ควรรู้ โดย… ครูแป้ง ครูอิ๋ม และครูแป๋ม
สื่อเสริมบทเรียน
https://www.youtube.com/watch?v=5y7mLwyYztc
https://www.youtube.com/watch?v=igRCffpMEiw
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่
Math : เครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไรบ้าง!?
สวัสดีค่ะ เครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษเรียกว่ายังไง? ไปดูกันเลยค่ะะ
Mathematical symbols in English.
[1-4] ตัวดำเนินการทางคณิตศาสตร์ (Arithemetic Operator)
เครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ by KidsOnCloud
มารู้จักเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์กัน ทั้งเครื่องหมายบวก ลบ
เท่ากับ ไม่เท่ากับ มากกว่า น้อยกว่า อธิบายด้วยภาพเข้าใจได้ง่ายๆ ค่ะ
สร้างชีวิตด้วยเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ | ความสุขและความสำเร็จ_MRich
MRich, ลบหารบวกคูณ, คณิตศาสตร์สร้างชีวิต
แนวทางการสร้างความสุขและความสำเร็จในชีวิต (ฉบับย่อ)
ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ เปรียบเทียบกับเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจและจำได้ง่ายๆ เอาไปใช้ในการดำรงชีวิตให้มีความสุขและความสำเร็จได้
ลองรับฟังกันดูนะครับ 🙂
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่Wiki
ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ เครื่องหมาย ทาง คณิตศาสตร์ มี อะไร บ้าง