[Update] | smirnoff คือ – Australia.xemloibaihat

smirnoff คือ: คุณกำลังดูกระทู้

ชนิดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทของเครื่องดื่มที่แอลกอฮอล์ผสม

แบ่งได้หลายประเภทได้แก่

แบ่งตามกรรมวิธีในการผลิตสุราแช่หรือสุราหมัก(Fermentation) คือ สุราที่ได้จากการหมักวัตถุดิบ กับราและ/หรือยีสต์ ไม่ได้กลั่นและรวมถึงสุราแช่ที่ได้ผสมกับสุรากลั่นแล้ว แต่ยังมีแรงแอลกอฮอล์ไม่เกิน 15 ดีกรี เช่น ไวน์ แชมเปญ สาโท อุ กระแช่ น้ำตาลเมา สาเก ไวน์คูลเลอร์ สปาร์คกลิ้งไวน์ เบียร์ เป็นต้น
สุรากลั่น(Distillation) คือ การนำเอาสุราแช่มากลั่น เพื่อให้ได้แอลกอฮอล์ที่สูงขึ้น และรวมถึงสุรากลั่นที่ผสมกับสุราแช่แล้ว แต่มีแรงแอลกอฮอล์เกินกว่า 15 ดีกรี เช่น วิสกี้ บรั่นดี คอนยัค วอดก้า จิน รัม ตากีล่า เหล้าขาว ลิเคียว  เป็นต้น
แบ่งด้วยขั้นตอนในการเตรียมการก่อนดื่มเครื่องดื่มที่สามารถดื่มได้ทันที(Ready to Drink) ไม่ต้องมีขั้นตอนในการปรุงหรือผสมอีก ได้แก่ ไวน์ บรั่นดี คอนยัค เบียร์ เครื่องดื่ม RTD (เช่น บาคาร์ดี้  สปาย) รวมทั้งเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ อื่นๆด้วย
เครื่องดื่มที่มีการเตรียมการก่อนดื่ม(Prepared Beverage) คือเครื่องดื่มที่ต้องมีการปรุงหรือผสมกอนดื่ม เช่น วิสกี้ ค็อกเทล
แบ่งตามช่วงเวลาของมื้ออาหาร เนื่องจากชาวตะวันตกนิยมดื่มขณะรับประทานอาหารเคร่องดื่มก่อนอาหาร (Aperitif) ใช้ดื่มเพื่อดับกระหายหรือเรียกน้ำย่อย
ไวน์ ใช้ดื่มระหว่างมื้ออาหาร ควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารแต่ละจาน
เครื่องดื่มหลังอาหาร(Digestif) มักเป็นเครื่องดื่มหรือเหล้าที่มีรสหวาน เพื่อช่วยในการย่อยอาหาร
สุราที่ใช้กันโดยทั่วไปในการนำมาผสมเป็นเครื่องดื่มค็อกเทล มี 5 ประเภท ดังนี้

แอพเพอริทิฟ (Aperitif) คือเหล้าที่นิยมดื่มก่อนอาหาร เป็นเครื่องดื่มเก่าแก่จัดอยู่ในประเภทเหล้ายา นิยมมากในประเทศฝรั่งเศส อิตาลี ทำจากเหล้า เหล้าองุ่น สมุนไพร และเครื่องเทศ แบ่งเป็น 3 ชนิด

เวอร์มุท (Vermouth) เป็นเหล้ายาทำจากรากไม้และเครื่องเทศ มีกลิ่นและรสชาติแตกต่างกันออกไป รสชาติของเวอร์มุทคล้ายกับยาบำรุงเลือดของไทย เวอร์มุทเป็นสุราหมักชนิดหนึ่ง บางครั้งเราอาจจะจัดอยู่ในประเภทไวน์เจริญอาหารก็ได้ ฉะนั้น เวอร์มุทจึงเป็นสุราที่ทำมาจากองุ่น (ไวน์) และได้ผ่านการปรุงแต่งกลิ่นรสด้วยพืชสมุนไพร เครื่องเทศ  เราสามารถเรียกอีกอย่างว่า อโรมาติก ไวน์ (Aromatic Wine-ไวน์ที่มีกลิ่นหอมของเครื่องเทศ)  หรือ แอปเพอร์ริทิฟ ไวน์ (Aperitif Wine-ไวน์เจริญอาหาร) ก็ได้เพราะเป็นสุราที่ทำมาจากเหล้าองุ่นถึง 75%

ต้นกำเนิดของ เวอร์มุท มาจากประเทศ อิตาลี (Italy)  นอกจากอิตาลีแล้ว ฝรั่งเศสก็เป็นอีกประเทศที่ผลิตเวอร์มุทอย่างแพร่หลาย ไม่มีข้อแตกต่างของเวอร์มุทที่ทำในฝรั่งเศสและอิตาลี เพียงแต่มีข้อเด่นคือ ฝรั่งเศส เชี่ยวชาญการผลิตเวอร์มุทแบบดรายและสีใส (Dry White)  ส่วนอิตาลีเด่นในทางผลิตเวอร์มุทแบบหวานและสีแดง (Sweet Red) การทำเวอร์มุทค่อนข้างยุ่งยาก ส่วนสำคัญคือ เหล้าองุ่น โดยทั่วไปใช้ ”องุ่นขาว” ที่ไม่มีรสชาติ (ไม่ใช่เสีย) Vermouth มีหลายยี่ห้อ เช่นMartini, Cinzano,Barbero,Dubonet,Pimm’s No.1 เป็นต้น ลักษณะงานที่ใช้ต่างกัน

 
บิตเตอร์ (Bitter) เป็นเหล้ายาที่มีรสขม ชาวยุโรปนิยมดื่มแก้โรคกระเพาะ ซึ่งชาวยุโรปเชื่อว่า Bitter จะช่วยย่อยอาหารได้ Bitterบางชนิดมีรสขมมาก บางชนิดขมอมหวาน เช่น Campari,Fernet Branca,Branca Menta,Angostura Bitter
อนิซ (Anis) เป็นเหล้ายาสีเหลืองใสทำจากเมล็ดของ Anis กลิ่นหอมเย็นๆนิยมดื่มแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เช่น Pernod,Ricard,Pastis เป็นเหล้าที่มีดีกรีสูงที่สุดในบรรดาเหล้าด้วยกัน
เหล้าแอพเพอริทิฟ นอกจากนิยมดื่มเพื่อเป็นยาแล้วยังนิยมนำไปทำเครื่องดื่มผสมอื่นๆอีกมากมายโดยเฉพาะ Knock Out เป็นเมนูที่มีชื่อเสียงรู้จักกันทั่วโลก

 
สปิริต (Spirit) คือ สุราที่ได้จากการกลั่น ทั้งหมด ได้แก่

บรั่นดี (Brandy) เป็นเหล้าที่นิยมดื่มกันมาก เกิดจากการหมักองุ่นให้เป็นไวน์ (Wine) แล้วจึงนำมากลั่นเป็นบรั่นดี จากนั้นนำไปเก็บบ่มให้ได้ สี กลิ่น รส ที่ดี บรั่นดี ที่มี ขายตามท้องตลาดทั่วๆไป แบ่งเป็น 3 ประเภทDomestic Brandy (บรั่นดีพื้นเมือง) คือบรั่นดีที่ผลิตจากองุ่นแล้วนำมากลั่นเป็นบรั่นดีอีกที เช่น Regency Brandy , German Brandy
Premium Brandy (บรั่นดีเกรดสูง) เป็นบรั่นดีราคาแพงที่เก็บบ่มไว้ในถังไม้โอ๊กนานๆ โดยระบุคุณภาพเป็นอักษรย่อ หรือชื่อพิเศษ เช่น คอนยัค (Cognac) อาร์มายัค (Armagnac)
Fruit Brandy (บรั่นดีผลไม้) คือบรั่นดีที่ทำจากผลไม้อื่นๆที่ไม่ใช่ผลองุ่นซึ่งจะให้กลิ่นรสแตกต่างกันไป แบ่งเป็น 2 ชนิด
White Fruit Brandy (บรั่นดีผลไม้สีขาว) ผลิตจากการกลั่นผลไม้ โดยไม่ต้องบ่มในถังไม้ จะได้กลิ่นหอม และรสของผลไม้นั้นๆนิยมแช่ให้เย็นแล้วดื่มโดยไม่ผสม หรือจะนำไปผสมในค็อกเทลต่างๆก็ได้
Colour Fruit Brandy (บรั่นดีผลไม้ที่มีสี) ผลิตจากการกลั่นผลไม้ แล้วนำไปเก็บบ่มในถังไม้โอ๊ก ผลไม้ที่นำมากลั่นเช่นแอปเปิ้ล เรียกว่า Apple Brandy,Calvados,”Apple Jack
เชอร์รี่ เรียกว่า Kirschwasser,Kirsch
พลัมเรียกว่า Slivovits,Prunelle,Quetsch
แพร์เรียกว่า Poire William
ราสเบอร์รี่เรียกว่า Flamboise
นอกจากนี้ยังสามารถทำจากผลไม้อื่นๆอีกมากมายซึ่งอาจเรียกบรั่นดีผลไม้ประเภทนี้ว่า “Eau-de-Vie”

บรั่นดี นโปรเลียน
คอนยัค
คุณภาพและอายุของบรั่นดีและคอนยัค จะบ่งบอกโดยอักษรย่อดังนี้

V = Very
S = Superior
O = Old
P = Pale
E = Especial
F = Fine
X = Extra
ถ้านำอักษรย่อมารวมกันจะมีความหมายดังนี้

X.O. = Extra Old หรือ  V.V.S.O.P. = Very very Superior Old Pale ซึ่งแสดงว่า มีการเก็บบ่มเป็นเวลา 20-40 ปี
V.O. = Very Old หรือ V.S.O.P. = Very Superior Old Pale แสดงว่ามีการหมักบ่มเป็นเวลา 12-20 ปี 
V.S. = Very Superior แสดงว่ามีการหมักบ่มเป็นเวลา 5-9 ปี
วิสกี้ (Whisky,Whiskey) คือสุรากลั่นที่ทำจากข้าวหรือข้าวข้าวโพดหรือ Grain ชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือหลายชนิดก็ได้โดยนำมาหมักแล้วกลั่นให้มีดีกรีสูงขึ้น จากนั้นนำไปเก็บบ่มในถังไม้โอ๊กเพื่อให้ได้สี กลิ่น รสที่ดีขึ้น แต่ก่อนจะนำมาบรรจุขวด บางชนิดยังนำไปปรุงแต่ง สี กลิ่น รสอีกครั้ง เพื่อให้ได้มาตรฐานตามความนิยมของผู้บริโภค วิสกี้ที่นิยมมาก นอกจากวิสกี้ของท้องถิ่นแล้ว วิสกี้จากต่างประเทศที่นิยมกันมากก็มี Scotch Whisky, Irish Whisky, American Whisky, Canadian Whisky ซึ่งจะมีเอกลักษณ์ในด้าน กลิ่น และรสชาติที่แตกต่างกันออกไปวิสกี้มี้นตอนการผลิต 5 ขั้นตอน คือ วิสกี้โดยทั่วไปแบ่งได้เป็นประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

สก๊อตวิสกี้ (Scotch Whisky) คือวิสกี้ที่ผลิตในประเทศ “สก๊อตแลนด์”
เบอร์เบิ้นวิสกี้ (Bourbon Whiskey) คือวิสกี้ที่ผลิตในประเทศ “อเมริกา” 
ไอริชวิสกี้ (Irish Whiskey) คือวิสกี้ที่ผลิตในประเทศ “ไอร์แลนด์”
แคนาเดียนวิสกี้ (Canadian Whisky) คือวิสกี้ที่ผลิตในประเทศ “แคนาดา”
วิสกี้ที่ผลิตในประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากข้อกล่าวข้างต้นเช่น  อังกฤษ, ญี่ปุ่น, จีน, ไทย  เป็นต้น

สก๊อตวิสกี้ (Scotch Whisky)
เบอร์เบิ้นวิสกี้ (Bourbon Whiskey)
ยิน (Gin) เป็นเหล้าสีขาว ที่มีกลิ่นหอมของผลจูนิเปอร์ ทำมาจากการ กลั่นข้าวหรือ Grain และผสมกลิ่นรสชาติของสมุนไพร และผลจูนิเปอร์ เป็นที่นิยมกันมากในฮอลันดา สมัยก่อนจึงเรียกจินว่า “Dutch Courage”และได้รับการเปลี่ยนชื่อให้เรียกสั้นๆว่า Gin

ยินเป็นสุราอีกชนิดหนึ่งที่ได้จากการกลั่นของการหมักของกากน้ำตาล, เมล็ดธัญญพืช  (ซึ่งก็มี เมล็ดข้าวโพด, เมล็ดข้าวบาร์เล่ย์, เมล็ดข้าวไรย์ และเมล็ดข้าวอื่นๆ)  ยินเป็นสุราขาว (ใสไม่มีสี) ที่มีความลงตัวระหว่างความ ดราย (Dry) หรือ ไม่หวาน และกลิ่นรสสดชื่นของผลจูนิเปอร์ สมุนไพรและเครื่องเทศต่างๆ  ซึ่งทำให้ยินแตกต่างจากสุราทั่วไป ปัจจุบันผลิตกันในหลายๆประเทศ กลิ่นและรสชาติก็แตกต่างกันไปเพราะมีเปลี่ยน แปลงทั้งวิธีการผลิตและส่วนผสม ยินที่ผลิตจากประเทศฮอลันดา รสจะเข้มข้นมาก นิยมดื่มโดยไม่ผสม แต่ควรแช่ให้เย็นจัดจินจากอังกฤษและอเมริกา นิยมดื่มเป็นเครื่องดื่มผสม ที่รู้จักกันแพร่หลายเช่น Gin Tonic ,Orange Blossom ,Tom Collins, Martini

ยินที่รู้จักกันดีในประเทศไทยเช่น Bombay, Sapphire, Beefeater, Gordon, Gilbey’s ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้คำว่า London Dry Gin

สำหรับประเทศไทย เหล้าที่มีกลิ่นคล้ายเหล้ายินต่างประเทศ ที่เกิดขึ้นรายแรกคือ อังเคิล ทอม จี (Uncle Tom-G) คุณสมบัติไม่แพ้ยิน อเมริกา หรือ อังกฤษ ข้อดีอีกข้อก็คือ ราคา ซึ่งเป็นจุดแข็ง ของสินค้าทำให้เหมาะสม ในการนำมาปรุงเป็นค็อกเทล

จิน ยี่ห้อต่างๆที่มีขายในเมืองไทย
อังเคิล ทอม จี : Uncle Tom-G

 
รัม (Rum)  จัดเป็นประเภท Spirit เป็นเหล้าที่กลั่นจากอ้อยหรือกากน้ำตาล ผลิตมากตามหมู่เกาะฝั่งทะเลคาร์ลิเบียน ซึ่งปลูกอ้อยกันมาก ผลิตและจำหน่ายหลายประเทศ เช่น Puerto Rican สีClear, Jamaica จะเป็นสีDark, Cuban จะเป็นสี Light, Gold, Dark เป็นต้น White Rum หรือ Light Rum (รัมสีขาว) ในขบวนการผลิตค็อกเทลจะเรียกWhite ว่า Clear เป็นรัมที่มีสีใส
Silver Rum  คือรัมชนิดต้องเก็บบ่มในถังไม้เพื่อให้กลิ่นรสดีขึ้น  เหมาะสำหรับนำไปผสมค็อกเทลที่ไม่ต้องให้สีเปลี่ยน
Gold Rum (รัมสีทอง) เป็นรัมที่มีสีเหลืองใส ได้จากการเก็บบ่มไว้ในถังไม้เพื่อให้เกิดสี หรือผสมสี กลิ่น รสชาติ ด้วยคาราเมล (Caramel) ที่ได้จากการเคี่ยวน้ำตาล เป็นสีเหลืองทอง เพื่อให้ได้เหล้ารัมที่มีกลิ่นสี รสชาติมากขึ้นกว่าเดิม
ดาร์ค รัม (Dark Rum) รัมสีดำเป็นรัมที่มีสีเกือบดำ ได้จากการเก็บบ่มไว้ในถังไม้เพื่อให้เกิดสี และผสมกับคาราเมล ที่ได้จากการเคี่ยวน้ำตาล จนเป็นสีดำเกือบไหม้ จะได้กลิ่นและรสชาติมากขึ้น
เหล้ารัม นิยมนำไปผสมเป็นค็อกเทลมาก ที่รู้จักกันมากคือ Rum Coke หรือ Cuba Libre นอกจากนี้ยังนำไปผสมกับเครื่องดื่มชนิดอื่นๆเช่น น้ำผลไม้ต่างๆโดยเฉพาะที่เรียกว่า Punch จะเป็นเครื่องดื่มที่เข้ากันได้ดีมากกับรัม เหล้ารัมที่จำหน่ายจะมีดีกรีราว 40 ดีกรี แต่มีหลายชนิดผลิตให้มีดีกรีสูงมากถึง 75.5 ดีกรี หรือที่เขียนว่า 151 Proof เพื่อให้เครื่องดื่มผสมมีความแรงเพิ่มขึ้น

บ้านเราก็มี เหล้ารัม กันมานานแล้ว แต่ผู้บริโภคส่วนมากไม่รู้จักว่าเหล้ารัมคืดเหล้าประเภทไหน ทำมาจากอะไร ยังแยกแยะกันไม่ออก ตัวอย่างเหล้ารัมบ้านเราคือ แม่โขง แสงโสม หงษ์ทอง ซึ่งจัดเป็น ดาร์ค รัม (Dark Rum) ส่วนไวท์ รัม (White Rum) ก็คือ เหล้าขาว ที่มีขายตามท้องตลาดทั่วๆไป

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีเหล้าที่มีกลิ่น และคุณภาพ คล้าย ไวท์ รัม (White Rum) ของต่างประเทศก็คือ อังเคิลทอม อาร์ (Uncle Tom-R)

เรื่องราวของรัม (Rum) เกิดขึ้นจาก การผจญภัยของ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส  ภายหลังจากที่เขาได้เดินทางไปยังหมู่เกาะต่างๆ แล้วนำต้นอ้อย มาทดลองปลูกในหมู่เกาะ เวสต์ อินดีส (West Indies) หรือหมู่เกาะอินเดียตะวันตกเป็นผลสำเร็จ ที่จริงแล้ว ในระยะต้นนี้ จุดประสงค์หลักของการปลูกอ้อยก็คือเพื่อนำไปผลิตน้ำตาล  อย่างไรก็ตาม ผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาลก็คือกากน้ำตาลจากอ้อย ซึ่งเราเรียกอีกอย่างได้ว่า มอลลาส (Molasses) นั้น ไม่มีการนำมาใช้ประโยชน์ต่อไป แต่ก็มีผู้สังเกตุเห็นว่า กากน้ำตาลเหล่านี้ เกิดการหมักตัวเองขึ้นตามธรรมชาติ  จึงได้มีการทดลองนำกากน้ำตาลมาผลิตสุราดูบ้าง  ซึ่งก็ได้ผลดี และเราเรียกสุราชนิดนี้ว่า “ รัมเบลเลียน ” (Rumbellion) หรือ “ รัม ” (Rum) แหล่งที่ทำการผลิตเหล้ารัม อยู่ในแถบหมู่เกาะคาริบเบียน (Caribbean), อินโดนีเซีย (Indonesia), อินเดีย (India) และ อเมริกา (America) แต่รัมที่มีชื่อเสียงมาก  ส่วนใหญ่จะมาจากทางแถบหมู่เกาะคาริบเบียน ซึ่งเป็นหมู่เกาะทางอเมริกาใต้ เช่น บาบาโด๊ส (Barbados), จาไมก้า (Jamaica)
 
วัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตรัม คือ น้ำตาลจากอ้อย (Sugar Cane) และ กากน้ำตาลจากอ้อย (มอลลาส)  เสน่ห์ของรัมอยู่ที่กลิ่นหอมของน้ำตาลอ้อยที่เจือจางอยู่ในน้ำรัม ซึ่งผู้ผลิตจะต้องใช้ความละเอียดอ่อน ในการผลิตเพื่อเก็บรักษาคุณสมบัตินี้ไว้ให้ดีที่สุด  และปริมาณแอลกอฮอล์ของเหล้ารัม จะอยู่ที่ 40 ดีกรี

 

ดาร์ค รัม
Dark Rum
โกลด์ รัม
Gold Rum
ไลท์ รัม
Light Rum
อังเคิลทอม อาร์
Uncle Tom-R

 
วอดก้า (Vodka) คำว่า “Vodka” หรือ Wodka” มาจากภาษารัสเซียคือ “Zhiznennia Voda” แปลว่า “Water of Life” บ้างก็แปลว่า “Little Water” วอดก้าเป็นที่ยอมรับของชาวอเมริการาวประมาณปี ค.ศ. 1946 วอดก้าเป็นเหล้าสีขาวใส มีกลิ่นเพียงเล็กน้อยจนแทบไม่รู้สึก ดีกรี 40-60 สมัยก่อนไม่เป็นที่รู้จัก แต่ในปัจจุบันเป็นเหล้าที่นิยมกันมาก เป็นเหล้าที่หมักจากข้าว หรือมันฝรั่งและอ้อยแล้วแต่วัตถุดิบของผู้ผลิตประเทศนั้นๆ  ผ่านการกรองและดูดกลิ่นจนเหลือสีเจือปนและกลิ่นน้อยที่สุด วอดก้าของรัสเซีย หรือโปแลนด์บางชนิดนิยมแช่สมุนไพร หรือเครื่องเทศเพื่อให้เป็นเหล้ายา แต่ไม่ค่อยพบในท้องตลาดบ้านเรา
คำว่า “It will leave you breathless”ที่ชาวยุโรปพูดกันจนชิน คือ เมื่อดื่มวอดก้า  แล้วจะไม่มีกลิ่นติดค้างเมื่อหายใจ ค็อกเทลที่ผสมวอดก้าที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ Screw Driver, Bloody Mary, Vodka Martini,Salty Dog’s เป็นต้น ส่วนเหล้าวอดก้าที่เรารู้จักกันดีในประเทศไทย คือ Borzoi , Smirnoff, Stolighinaya, Ursus, Skyy,
  ปัจจุบัน วอดก้าสามารถผลิตกันได้ทั่วทุกมุมโลก แม้กระทั่งประเทศไทยเอง ก็สามารถผลิตได้เหมือนมากจนเป็นที่รู้จักกันทั่วไปคือ อังเคิล ทอม วี (Uncle Tom-V)และอังเคิล ทอม เบอร์ 9(Uncle Tom No.9)
  วอดก้า มีต้นกำเนิดในแถบยุโรปตะวันออก  โดยเฉพาะ รัสเซีย (Russia) และ   โปแลนด์ (Poland) ซึ่งมีอากาศหนาวเย็น  ผู้คนแสวงหาเครื่องดื่มที่จะช่วยให้พวกเขาต่อสู้กับความหนาวเย็นได้  วอดก้า เป็น นิวโทรล์ สปิริต (Neutral Spirt) คือ สุราที่มีความเป็นกลาง กล่าวคือ ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี และ ไม่มีรส  แต่วอดก้าราคาถูกอาจมีรสขมติดปลายลิ้น หรืออาจ  มีกลิ่นของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต หลงเหลืออยู่
 
วัตถุดิบในการผลิตของวอดก้านั้น มีหลากหลายชนิด นับตั้งแต่ มันฝรั่ง (Potato), เมล็ดข้าว (Grain) เช่น เมล็ดข้าวโพด (Corn) และเมล็ดข้าวสาลี (Wheat)  แต่ส่วนมากจะ ใช้ธัญญพืช ในการผลิต สำหรับประเทศที่มีการผลิตวอดก้านี้ ไม่ใช่จะมีแต่ประเทศรัสเซียเท่านั้น แต่ยังมีประเทศอื่นอีกที่มีการผลิตเหล้าชนิดนี้ เช่น ประเทศอเมริกา(America) และประเทศโปแลนด์ (Poland) เป็นต้น 
  ถ้าดูจากกฏหมายที่ระบุความเป็นเหล้าวอดก้าแล้วอาจจะไม่นึกอยากดื่มด้วยซ้ำเพราะ วอดก้าจะต้องไม่มีบุคลิก, ไม่มีสี,  ไม่มีกลิ่น, ไม่มีรส แต่ทว่าเอกลักษณ์อันนี้ทำให้วอดก้าเป็นเหล้าที่ใช้ผสมที่ดีที่สุด เพราะแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ช่วยเน้นรสชาติของสิ่งที่ผสมลงไปทำให้เกิดความหอมหวานยิ่งขึ้น และใช้ผสมกับสุราอื่นๆได้ทุกชนิด นอกจากนี้   วอดก้ายังได้รับการพิสูจน์แล้วว่า เมื่อดื่มแล้ว จะทำให้เกิดอาการเมาค้างในวันรุ่งขึ้นได้น้อยที่สุดในบรรดาสุราทุกชนิด

วอดก้า ยี่ห้อต่างๆ ที่มีขายในเมืองไทย
อังเคิลทอม : Neutral Spirit

 
ตากีล่า (Tequila) ตากีล่า เป็นเหล้าสีขาวกลิ่นแรง หมักจากพืชที่เรียกว่า Mezcal ผลิตในประเทศเม็กซิโก ปกติตากีล่าจะมีสีขาว แต่บางชนิดมีสีเหลืองทองจากการเก็บบ่มในถังไม้ ปกติชาวพื้นเมืองเม็กซิโก นิยมดื่มเหล้าตากีล่าโดยไม่ผสม ในแถบบ้านเรา(ประเทศไทย) มักจะนิยมใส่แก้ว Shot ก้นหนาๆ เพื่อนำไปกระแทกกับโต๊ะพื้นไม้ หรือ โฟเมก้าให้มีเสียงดังๆก่อนดื่ม และจะหยิบเกลือใส่ปากก่อนแล้วบีบมะนาวตาม จากนั้นก็จะยกเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว เพื่อให้รสชาติของเหล้าคลุกเคล้ากับเกลือ และมะนาวในปาก ในปัจจุบันนิยมนำตากีล่ามาทำเป็นค็อกเทลกันมากขึ้นเช่น Tequila Sunrise, Margarita ,Matador เป็นต้น เหล้าตากีล่าที่รู้จักกันดีในประเทศไทยคือ El-Toro,Sirra

เตกิล่า (Tequila) เป็นสุราเม็ซคัล (Mezcal) คือสุราพื้นเมืองของประเทศเม็กซิโก (Mexico) ชาวเม็กซิกัน (Maxican)   รู้จัก

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผลิตจากต้น ” อากาเว่ ” (Agave’)  หรือ พืชตระกูลป่าน ที่มีลักษณะแกนกลางของลำต้นอวบใหญ่ เต็มไปด้วยแป้ง  ใบสีเขียวเข้ม มาตั้งแต่ ค.ศ. 250-300  ต่อมาชาวสเปนในเม็กซิโกเริ่มเรียนรู้ว่า มีอากาเว่บางพันธุ์เท่านั้นที่สามารถนำมาผลิตสุราคุณภาพดี  สุราที่ผลิตจากอากาเว่นี้ เรียกกันว่า “อา-กวาร์เดนเต้ เดอ อากาเว่” (Aguardiente de agave’) นับจนถึงสมัยศตวรรษที่ 19 สุราชนิดนี้เปลี่ยนเป็นมีชื่อเรียกตามถิ่นกำเนิด คือเตกิล่า (Tequila) ซึ่งเป็นชื่อเมืองที่ผลิตสุรา  ส่วนต้นบลูอากาเว่ (Blue Agave’) นั้น เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต เตกิล่า จะต้องใช้เวลาปลูกนาน 8 – 12 ปี ถึงจะนำมาใช้ผลิตเตกิล่าได้ อย่างไรก็ตาม หากมีการบำรุงไม่ดีพอ จะทำให้ใช้เวลาปลูกนานกว่านั้น ถึงจะใช้ผลผลิตได้

 

ลำต้น (แกนกลาง) อากาเว่
ต้น อากาเว่

เตกิล่าไม่จำเป็นต้องเก็บบ่ม แต่ก็มีหลายยี่ห้อที่ทำการเก็บบ่มเพื่อให้รสชาตินุ่มนวลขึ้น เราจึงพบว่ามีเตกิล่า หลายชนิด   ในท้องตลาด ได้แก่เตกิล่าสีขาว (ซิลเวอร์-Silver) เมื่อกลั่นเสร็จแล้วจะต้องนำไปผสมน้ำให้เจือจางเพื่อให้ได้ปริมาณ   แอลกอฮอล์ตามต้องการและพักไว้ 15-20 วันจึงจะบรรจุขวดได้
เตกิล่าสีทอง (โกล์ด-Gold) สีทองของเตกิล่าได้จากสีของถังไม้ที่เก็บบ่มเช่นเดียวกับวิสกี้หรือคอนยัค ทำให้รสชาตินุ่มนวลขึ้น ตามมาตรฐานของรัฐบาลเม็กซิกันนั้น การเก็บบ่มเตกิล่าสีทองจะต้องบ่มอย่างน้อย 2 เดือนไปจนถึง 6 เดือน แล้วจะได้เตกิล่า ที่มีสีทองอ่อนๆ เตกิล่าชนิดนี้ ภาษาเม็กซิกัน เรียกว่า “รีโพซาโด เตกิล่า” (Reposado Tequila)
เตกิล่า อันเยย-โฮ (Anejo) เป็นเตกิล่าสีทอง ที่มีการเก็บบ่มในถังไม้โอ๊ค นานอย่างน้อย 1 ปี  จะให้รสชาตินุ่มนวล ซึ่งได้มาจากการหมักบ่มที่ได้ที่ และเป็นชนิดที่มีราคาแพงที่สุด
วิธีดื่มเตกิล่า (Tequila)

ดื่มแบบ ”ช๊อต” (Shot) คือดื่มเพียวๆ ในแก้วเล็กทรงสูง
ดื่มเพียวๆ เป็นช๊อต ตามด้วยน้ำส้มคั้นที่ปรุงด้วยเครื่องเทศ
ชูทเตอร์ส (Shooters) คือ เลียเกลือที่ทาไว้ที่มือ แล้วดื่มเตกิล่า ตามด้วยมะนาวสดชิ้นเล็กๆ (ซึ่งวิธีนี้ เป็นวิธีที่นิยมที่สุดในการดื่มเตกิล่า)
นำมาผสมค็อกเทล เช่นมาการิตต้า (Margarita)  ผสมโดยใช้เตกิล่ากับลิเคียว รสส้ม (เช่นแกรนด์มาเนียร์ หรือ ทริปเปอร์ เซ็ค) และ   เติมน้ำมะนาว  เขย่ากับน้ำแข็ง  เสริฟในแก้วค็อกเทล   ที่ทาเกลือไว้ที่ขอบแก้ว 356, 359 แก้วมาการิตต้า
สแลมเมอร์ (Slammers) บางทีเรียก “ป๊อบ หรือ ป๊อบเปอร์” (Pop, Poper)  โดยการใช้ โฮเซ่ คูวโว่ โกล์ด ½ ช๊อต (แก้วช๊อต) แล้วเติมด้วย เซเว่น อัพ หรือ สไปร์ท ในสัดส่วนที่น้อยกว่า ปิดปากแก้วด้วย ผ้ารองแก้ว หรือ  กระดาษรองแก้ว (หรือที่เราเรียกว่า โคลส์เตอร์-Coaster) ยกเสริฟโดยใช้แก้วกระแทกไปกับโต๊ะ ทำให้เกิดฟองฟู่ขึ้น แล้วดื่มทันที
ลิเคียว Liqueur or Cordial (เหล้าหวาน) Liqueur and Cordial มีความหมายคล้ายกัน ส่วนใหญ่คำว่าLiqueur มักจะหมายถึงเหล้าหวานของประเทศแถบยุโรป ส่วน Cordial หมายถึงเหล้าหวานของประเทศสหรัฐอเมริกา Cor หมายถึง Heart เหล้าหวาน เป็นการผสมสุราชนิดใดก็ได้กับความหวาน และเพิ่มสี กลิ่น และรสลงไปด้วย โดยจะใช้สี กลิ่น รสของผลไม้ สมุนไพร เครื่องเทศ หรือแม้แต่ส่วนหนึ่งส่วนใดของผลไม้ก็ได้ จะเห็นว่าเหล้าหวานมีสีต่างๆมากมาย อาจดื่มเปล่าๆ หรือ เพียวๆหรือแบบผสมน้ำแข็ง หรือจะนำไปผสมค็อกเทลให้มีสีสวยงาม เป็นกลวิธีในการเลือกดื่มเหล้าหวานจะเน้นรสชาติเป็นส่วนใหญ่

คำว่า “ลิเคียว” หมายถึงเหล้าหวาน เป็นเหล้าที่ผลิตได้จากการนำเอาเหล้า (Spirit) ชนิดต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้บรั่นดี  แล้วมีการเติมสิ่งที่ให้กลิ่น (Flavoring) เช่น ผลไม้, เมล็ดของผลไม้, สมุนไพร, รากไม้หรือเครื่องเทศต่างๆ และมีการเพิ่มความหวานให้มากขึ้นโดยอาจจะเติมน้ำตาลหรือน้ำเชื่อม การเติมความหวานจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับประเภทของลิเคียวซึ่งส่วนมาก จะมีความหวานตั้งแต่  30 บริ๊กซ์ ขึ้นไป

เหล้าลิเคียวแบ่งได้เป็นชนิดหลักๆ ดังนี้คือฟรุตลิเคียว (Fruit Liqueur) หรือลิเคียวผสมกลิ่นผลไม้ เป็นเหล้าหวานที่ผลิตได้มาจากการนำเอาแอลกอฮอล์ มาเติมกลิ่นโดยใช้ผลไม้ต่างๆ เช่น แอปริคอท (Apricot), ลูกพีช (Peach), ลูกเชอร์รี่ (Cherry) และส้ม (Orange) เป็นต้น 
ฟรุตลิเคียวที่มีขายในตลาดเมืองไทยและเป็นที่นิยม เช่น แกรนด์ มาเนียร์ (Grand Marnier), คอนโทร์ (Cointreau),   คาลัวร์ (Kahlua), มาลิบู (Malibu) และทริปเปอร์ เซค (Triple Sec) เป็นต้น

 

ฟรุตลิเคียวที่มีขายในเมืองไทย  
Ploy Fruit Liq

 
แพลนต์, เฮิรบ์ ลิเคียว (Plan, Herb Liqueur) หรือลิเคียวผสมกลิ่นเครื่องเทศ, สมุนไพร เป็นเหล้าอีกชนิดหนึ่งที่มีการผลิตเช่นเดียวกับฟรุตลิเคียว ลิเคียวชนิดนี้การผลิต ส่วนใหญ่จะมีการเติมสีสังเคราะห์ลงไปเพื่อได้สีตามต้องการ แพลนต์ลิเคียวที่มีขายในตลาดเมืองไทยและเป็นที่นิยม เช่น ดรัมบุย (Drambuie), และเบเนดิคทีน ดอม (Benedictine D.O.M) เป็นต้น
ครีมลิเคียว (Cream Liqueur) หรือลิเคียวที่มีส่วนผสมของครีมเป็นหลัก  เป็นลิเคียวอีกชนิดที่มีการผลิตเฉพาะ   ตัวมันเองเป็นพิเศษ (Spcial Style) ซึ่งส่วนผสมหลักๆจะเป็น แอลกอฮอล์ กับ ครีม (หรือนม) นั่นเอง ครีมลิเคียวที่มีขายในเมืองไทยและเป็นที่นิยม เช่น Baileys Irish Cream (เบย์ลี่ส์ ไอริช ครีม), Carolans Irish Cream (คาโรแลนส์ ไอริช ครีม)

 
เบย์ลี่ส์ ไอริช ครีม 

 
ไวน์ (Wine)เนื่องจากไวน์ ไม่ค่อยนิยมนำมาผสมเป็นเครื่องดื่มจำพวกค็อกเทล จึงไม่ขอเสนอรายละเอียดให้มากนัก จะเสนอไว้อย่างคร่าวๆเพื่อให้ทราบถึงการแบ่งจำพวกกลุ่มของเหล้า ไวน์คือสุราหมักชนิดหนึ่งที่ใช้องุ่นเป็นวัตถุดิบในการผลิต คำว่า Wine (ไวน์) มีรากฐานมาจากคำว่า Vine (ไวน์) แปลว่า เถาวัลย์หรือเถาองุ่น โดยทั่วไปแบ่งได้เป็นประเภทใหญ่ๆ ดังนี้สตีล ไวน์ (Still Wine) หรือไวน์ไม่มีฟอง เป็นไวน์ที่ผลิตจากองุ่น  และมีปริมาณแอลกอฮอล์  ประมาณ 9-14% ส่วนเทเบิ้ลไวน์  (Table Wine) ก็เป็นสตีลไวน์ชนิดหนึ่ง (ซึ่งเป็นไวน์เกรด และคุณภาพต่ำที่สุด)
สปาร์คลิ้ง ไวน์ (Sparkling Wine) หรือไวน์มีฟอง เป็นไวน์ที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ปนอยู่  แชมเปญ (Champagne) ก็เป็นสปาร์คลิ้งไวน์ประเภทหนึ่ง  สปาร์คลิ้งไวน์ส่วนใหญ่ใช้ดื่ม ฉลองชัยชนะ การประสบความสำเร็จหรือ การเริ่มสิ่งใหม่
แอปเพอร์ริทีฟ ไวน์ (Aperitif Wine) คือไวน์เจริญอาหาร หรือไวน์ปรุงแต่งกลิ่นรส ไวน์ประเภทนี้ที่นักดื่มรู้จักดี คือ เวอร์มุท (Vermouth) ซึ่งปรุงแต่งให้มีกลิ่นหอมเครื่องเทศและสมุนไพร  ไวน์ประเภทนี้ใช้ดื่มเพื่อเรียกน้ำย่อยก่อนรับประทานอาหาร
ฟอร์ทิฟายด์ ไวน์ (Fortified Wine) เป็นไวน์ปรุงแต่งให้มีดีกรีสูงกว่าไวน์ธรรมดา โดยนำสตีลไวน์ธรรมดาไปเคล้าผสมกับเหล้าบรั่นดี ก่อนทำการบรรจุขวด ไวน์ชนิดนี้ที่คนทั่วไปรู้จักกันดีได้แก่เชอร์รี่(Sherry)  เช่น Tio Pepe (ทิโอ เปเป้), Harveys Bristol Cream (ฮาเว่ย์ บริสตอท ครีม),Solero (โซเรโร่), Kirsberry (คิสเบอร์รี่) เป็นต้น
พอร์ท(Port) เช่น Taylor’s Special Ruby (เทย์เล่อส์ สเปเชี่ยล รูบี้),  Taylor’s Special Tawny (เทย์เล่อส์ สเปเชี่ยล ทวอนี่)  เป็นต้น
สตีลไวน์ (Still Wine) แบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามสีของไวน์  ดังนี้

ไวน์แดง (Red Wine) หรือ เรด ไวน์
ไวน์ขาว (White Wine) หรือ ไวท์ ไวน์
ไวน์ชมพู (Rose Wine) หรือ โรเซ่ ไวน์
ไวน์ทั้ง 3 ประเภทนั้นแตกต่างกันตรงวัตถุดิบคือพันธุ์องุ่น ส่วนกรรมวิธีการผลิตใช้วิธีการคล้ายคลึงกัน
 
ไวน์แดง (Red Wine) วัตถุดิบหลักที่นำมาผลิตไวน์แดงนั้น คือองุ่นแดงหรือม่วง ไวน์แดงที่ได้รับความนิยมในหมู่นักดื่มไวน์ คือไวน์ที่ผลิตจากองุ่นพันธุ์ คาร์เบอเน่ โซวิญอง (Carbernet Sauvignon), องุ่นพันธุ์ เมอร์โล (Merlot) จากเขตบอร์โดซ์ (Bordeaux) ประเทศฝรั่งเศส
ไวน์ขาว (White Wine) วัตถุดิบหลักที่นำมาผลิตไวน์ขาวนั้น คือองุ่นขาวหรือองุ่นเขียว  ไวน์ขาวที่ได้รับความนิยมมากคือไวน์ที่ผลิตจากองุ่นขาวพันธุ์ ชาดอนเน่ (Chadonnay) จากเขตเบอร์กันดี (Burgundy) ประเทศฝรั่งเศส ไวน์ขาวมีความแตกต่างจากไวน์แดง คือ องุ่นที่นำมาผลิตจะเป็นองุ่นขาวหรือองุ่นเขียว  ส่วนขั้นตอนการหมัก ไวน์ขาวจะไม่หมักรวมกับเปลือก และก้านขององุ่น
ไวน์ชมพู (Rose Wine) หรือโรเซ่ ไวน์ชมพูมีความแตกต่างจากไวน์ขาวตรงที่ ใช้องุ่นแดงในการผลิต  และขั้นตอนการหมัก  ไวน์ชมพูจะหมักทั้งเปลือกและก้านไปสักระยะหนึ่งประมาณ 21 ชั่วโมง แล้วแยกเศษเปลือกและก้านออก  ส่วนวิธีการผลิตขั้นตอนอื่นๆ จะใช้วิธีเดียวกันกับการผลิตไวน์แดง
จะเห็นได้ว่า โลกของเหล้ามีเยอะมาก(ที่อ่านมานี้ ยังไม่ได้ครึ่งเลย) เหล้าทุกชนิดสามารถนำมาทำค็อกเทลได้หมด แต่ขอให้เรารู้จักเหล้าตัวนั้นก่อน บางท่านไปซื้อหนังสือมาอ่าน อยากมีความรู้เรื่องค็อกเทล เผื่อเพื่อนๆ อาจจะมา Dinner ที่บ้าน แต่แล้วก็ทำไม่ได้ เพราะในหนังสือบอกชื่อเหล้าที่เราไม่เคยได้ยิน ไม่เคยรู้จัก  จะไปหาซื้อ ก็ไม่รู้จะไปซื้อที่ไหน ,,,สุดท้ายหันไปหันมาดื่มเบียร์ หรือไม่ก็วิสกี้ ดีกว่า…แต่น่าเสียดายถ้าท่านจะทำอย่างนั้น เพราะค็อกเทลเป็นเหล้าที่มีรสชาติที่หลากหลาย ทำได้ทุกรสชาติ ที่ท่านอยากจะดื่ม เป็นหมื่น เป็นแสนชนิด …ลองดูครับ อร่อยกว่าเบียร์และวิสกี้แน่นอน

Table of Contents

[Update] 5 วอดก้า รัสเซีย รสชาติแบบต้นตำรับที่นักดื่มควรลิ้มลอง!! | smirnoff คือ – Australia.xemloibaihat

ลิ้มรสชาติแบบต้นตำรับกับ 5 วอดก้า รัสเซีย ที่นักดื่มควรลอง!!

ไม่ลองก็คงไม่รู้!! ว่าของดีจากเมืองหมีขาวรัสเซียที่ขึ้นชื่ออย่างสุดๆ นั่นก็คือ วอดก้า รัสเซีย ที่นักดื่มควรลิ้มลอง หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า วอดก้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์สีใสๆ มีต้นกำเนิดมาจากที่รัสเซีย งั้นวันนี้ Mushroom Travel ก็เลยอยากจะมาแนะนำวอดก้าสัญชาติรัสเซีย 5 แบรนด์ที่อยากให้ลอง ใครมา ทัวร์รัสเซีย แล้วอยากจะลิ้มลองก็เตรียมเล็งกันได้เลยจ้ะ

1. Russian Standard

วอดก้า รัสเซีย

Russian Standard เป็นวอดก้าสูตรต้นตำรับของของวอดก้ามากมายในรัสเซีย และเป็นวอดก้าที่มีเอกลักษณ์สะท้อนจิตวิญญาณของชนชาติรัสเซียได้เป็นอย่างดี ส่วนผสมสำคัญของ วอดก้ารัสเซีย ตัวนี้มาจากข้าวสาลีแบบดั้งเดิมในดินแดนที่หนาวเหน็บจากภาคเหนือของประเทศ ผสมผสานกับธารน้ำแข็งจนทำให้ Russian Standard เป็นเครื่องดื่มที่มีจิตวิญญาณอันความบริสุทธิ์ นอกจากนี้การออกแบบขวดก็ได้รับแรงบันดาลใจจาก Ivan The Great Bell Tower ในใจกลางกรุงมอสโกด้วยนั่นเอง
ปริมาณแอลกอฮอล์ : 40%
ราคา : 20 USD (ประมาณ 700 บาท)

2. Smirnoff

 Cr.thewhiskyexchange.com

เมื่อพูดถึง Smirnoff หลายคนจะต้องรู้จักเครื่องดื่มยี่ห้อนี้แน่นอน เพราะมีวางจำหน่ายในไทยมากมาย ซึ่งเมื่อ มารัสเซีย จะเห็นได้เลยว่าที่นี่ Smirnoff ก็เป็นวอดก้าที่ได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน โดยจะมีหลายรสชาติให้เลือกได้ตามที่ต้องการ เช่น Smirnoff Dark Roasted Espresso, Smirnoff Cranberry และ Smirnoff Grape เรียกได้ว่าที่รัสเซียมีครบทุกรสชาติให้คุณได้ลิ้มลอง
ปริมาณแอลกอฮอล์ : 35 – 50% ตามแต่ละรสชาติ
ราคา : 15-36 USD (ประมาณ 520 – 1,200 บาท)

3. Stolichnaya Red Label Vodka

วอดก้า รัสเซีย

วอดก้า รัสเซีย ระดับพรีเมี่ยมจากยี่ห้อ Stolichnaya Red Label Vodka บอกได้เลยว่าไม่ได้มีดีแค่ความใสบริสุทธิ์ราวกับคริสตัลเท่านั้น แต่ยังมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่แพ้กัน ได้แก่ กลิ่นของเปลือกผลไม้อ่อนๆ ที่ให้รสชาติตั้งแต่นุ่มนวลไปจนถึงรสชาติเพรียวบางขนาดปานกลาง ซึ่งหากนำไปดื่มร่วมกับคนพิเศษของคุณ ยิ่งช่วยเพิ่มเติมความโรแมนติกระดับพรีเมี่ยมได้เป็นอย่างดี
ปริมาณแอลกอฮอล์ : 40%
ราคา : 26 USD (ประมาณ 910 บาท)

4. TOVARITCH Vodka

Cr.thewhiskyexchange.com

อีกหนึ่งวอดก้าระดับพรีเมี่ยมและเป็นต้นฉบับแห่ง วอดก้า รัสเซีย ก็คือ TOVARITCH Vodka ที่ผ่านการกลั่นมาทั้งหมด 5 ครั้ง และผ่านกรองด้วยเครื่องกรองแบบไม้กว่า 20 ครั้ง ก่อนจะถูกบรรจุลงขวด จึงทำให้ TOVARITCH Vodka มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร ซึ่งหากใครไป ทัวร์รัสเซีย แล้วผ่านไปแถว ๆ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ก็จะเห็นโรงกลั่นจำนวนมากอยู่ในเมืองนี้
ปริมาณแอลกอฮอล์ : 40%
ราคา : 12 USD (ประมาณ 410 บาท)

5. Ivan the Terrible Vodka

วอดก้า รัสเซีย

Ivan the Terrible Vodka ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก พระเจ้าซาร์อีวานที่ 4 วาซิลเยวิช แห่งรัสเซีย หรือที่รู้จักกันว่า อีวานผู้โหดร้าย (Ivan the Terrible) โดยความเข้มข้นของวอดก้าตัวนี้ก็ดุดันสมกับชื่อแบรนด์เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีการผสมผสานกันระหว่าง น้ำผึ้ง Buckwheat และถั่วซีดาร์ จึงช่วยให้รสชาติออกมากลมกล่อมไปอีกแบบ
ปริมาณแอลกอฮอล์ : 40%
ราคา : 35 USD (ประมาณ 1,230 บาท)

มาถึงตรงนี้ นักดื่มทั้งหลายอาจจะอยากลิ้มลองวอดก้าจากรัสเซียกันแล้วใช่มั้ย ถ้าไป ทัวร์รัสเซีย ก็สามารถหาซื้อวอดก้าตามซุปเปอร์มาร์เก็ตได้เลย ที่นั่นเค้ามีวอดก้าให้เลือกหลายแบบทั้งขวดเล็กขวดน้อยเอาไว้ซื้อเป็นของฝาก หรือพวกขวดสวยๆ แปลกๆ ก็มีเหมือนกัน หรือถ้าใครไม่อยากเสียเวลาเดินหาในเมือง จะซื้อที่สนามบินก็ได้ แต่อย่าลืมเรื่องน้ำหนักกระเป๋ากันด้วยนะ และแนะนำว่าถ้าใครตั้งใจว่าจะซื้อแน่ๆ ก็เตรียมห่อกันกระแทกให้ดี ขวดวอดก้าสวยๆ ที่เราอุตส่าห์เลือกจะได้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยไร้กังวลจ้า

ชอบ บทความ

มัชรูมทราเวล

ทำไงดี…?

1.

กด

แชร์

ต่อ

ให้เพื่อนอ่านบ้าง

คลิก

Like

และ

ติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/

2.Likeติดตามเราได้ที่ Facebook

—————

Mushroom Travel มีโปรแกรม

ทัวร์รัสเซีย

ให้เลือกมากที่สุด

โทร.

02-105-6234 (30 คู่สาย)

[email protected]

Line id

: @mushroomtravel

ลิ้มรสชาติแบบต้นตำรับกับ 5 วอดก้า รัสเซีย ที่นักดื่มควรลอง!!

was last modified: by


ประเทศจำนวนมากมายที่ซ่อนอยู่ในรัสเซีย – Mystery World


คลิปใหม่ทุกวันจ้าาาา อย่าลืมกดติดตามด้วย
สนับสนุนเพจง่ายๆเพียงกดแชร์คลิปนี้
Comic World Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCicuJZl5riLYnzSrvEX01UA
Imhavingabadday:
https://www.youtube.com/channel/UCZa8JAO7Ue3AtpVsbmPCA4w
Manga World Youtube:
https://www.youtube.com/channel/UCZWV6xtulPhPqiGeU9rtvw
Facebook: https://www.facebook.com/comicworlddaily
ติดตามชีวิตเราได้ที่ Instagram
@monmonnworld
@Jiva21

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

ประเทศจำนวนมากมายที่ซ่อนอยู่ในรัสเซีย - Mystery World

พี่น้องหัวกะทิ สร้างสตาร์ตอัป 3 ล้านล้าน จากโคดเชื่อมต่อ 7 บรรทัด


รู้หรือไม่ว่า “Stripe” เป็นสตาร์ตอัปที่มีมูลค่ามากที่สุด เป็นอันดับ 2 ของโลก
และมาจากการวางโครงสร้างทำให้ระบบดำเนินการได้ ด้วยการนำโคดเชื่อมต่อเพียง 7 บรรทัด ไปวางไว้บนหน้าเว็บไซต์ร้านค้า
Stripe มีการทำงานยังไง และ เรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อนี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมน ลงทุนในความรู้
การลงทุนในความรู้ไม่มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรกด”Subscribe”ลงทุนแมนไว้ในทุกช่องทาง ​
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website https://www.longtunman.com
Blockdit https://www.blockdit.com/longtunman
Facebook ​ https://www.facebook.com/longtunman
Twitter https://twitter.com/longtunman
Instagram https://www.instagram.com/longtunman/?hl=th
Line https://page.line.me/ayw2996y
YouTube https://www.youtube.com/longtunman
Spotify https://open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Soundcloud http://soundcloud.com/longtunman​
Apple Podcasts https://podcasts.apple.com/th/podcast
Clubhouse @longtunman
ลงทุนแมน​ ห้องประชุมลงทุนแมน​ ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง​ BREAKTHROUGH​ THEBRIEFCASE​ longtunman​ ลงทุนแมนORIGINALS​ ลงทุนเกิร์ลTALK​ ลงทุนเกิร์ล

พี่น้องหัวกะทิ สร้างสตาร์ตอัป 3 ล้านล้าน จากโคดเชื่อมต่อ 7 บรรทัด

Red, White, and Blue Smirnoff Ice


A very patriotic Smirnoff Ice 😁🇺🇸
MORE 4TH OF JULY RECIPES:
https://tipsybartender.com/playlist/independenceday/page/1/
TRY OUR NEW BARTENDING COURSE: https://tipsybartender.com/exclusive/
BUY TIPSY BARTENDER GEAR:
https://shop.tipsybartender.com/
SEND US YOUR DRINK RECIPES:
https://tipsybartender.com/submitarecipe/
MORE VIDEOS \u0026 RECIPES:
https://tipsybartender.com
tipsybartender cocktail 4thofjuly independenceday

Red, White, and Blue Smirnoff Ice

My 4 Favorite Gin Cocktails – These Will Turn Gin Haters Into Lovers ❤️


I have been known to get a little arrogant about Gin. It’s True I know, and hard to believe….I know…I know. Nobody would ever describe me as arrogant! But I digress. As a bartender I come up against people’s reluctance to drink gin. It’s funny to think that the preference of vodka as the clear spirit of choice can be traced back to the 1940’s and a campaign against gin by a company (which no longer exists) called the Heublein Company (also known for the bottled drink Brass Monkey made famous in a Beastie Boys song) which was representing Smirnoff Vodka. At the time Gin was king and Vodka was an obscure spirit nobody wanted to drink as it was closely related to Russia. But they hatched a plan when inspiration struck in a Sunset Boulevard bar and marketed a drink called the Moscow Mule and set into motion the fall of gin. So my question has always been, can people still really be victims of a 1940’s antiGin marketing campaign? And as I have made a career of trying to get people to understand gin again and realize it’s potential and superiority over Vodka (for cocktails anyway) I have to say that I think so. They always come up with the same three or four reasons about why they don’t like gin: 1. They drank too much cheap gin got too drunk and can’t stand the sight of it (a fair reason I guess) 2. Can’t stand Juniper flavor 3. I’m allergic to gin/juniper (this last one is possible but usually not the case) and 4. I hate the taste of alcohol/spirits so I like to hide the vodka flavor with juices.
So I came up with this Gin cocktail challenge to illustrate not only that most people DO NOT hate gin, but the versatility and potential of Gin as a spirit. The thing is, Gin is a spirit you have to know how to use. And it’s easy, if you don’t pair the flavors of the botanicals correctly, to make terrible drinks. It takes a bit of understanding but when you do understand this spirit, it opens up a whole new world to you. I have a 99% success rate with this challenge, most people can’t look me in the eye and say they hate gin in cocktails and most become absolute fans of the Martini the king of all gin cocktails and one that heavily relies on it’s botanical components for balance. So….WILL YOU TAKE THE GIN COCKTAIL CHALLENGE???
Here’s links to the tools I use in this episode:
Antique Style Weighted Tin Set: https://amzn.to/2YnjvHH
Barfly Measuring Cup Jigger: https://amzn.to/3j4jFfe
Barfly Fine Strainer: https://amzn.to/3lGC8An
Amehla Co. Honeycomb Mixing Glass (18oz): https://amzn.to/3m8Nihw
Japanese Bitters Dasher: https://amzn.to/34LPAwP
Leopold Coupe: https://amzn.to/3laP80W
Barfly Teardrop Bar Spoon: https://amzn.to/33e1tJz
Barfly \”Fly\” Barspoon: https://amzn.to/2YGztwX
If you like our channel, please click and subscribe
https://tinyurl.com/SubBarfly
https://tinyurl.com/SubFreepour
And please consider Joining our Membership:
https://tinyurl.com/BarflyMember
Join our Discord:
https://discord.gg/A4QUg6c

If you guys want to check out our full amazon store you can do so here: https://www.amazon.com/shop/theeducatedbarfly
Please note that the Amazon Store and all the Amazon Links provided are affiliate links that pays us a small commission of each sale (at no cost to you). It goes a long way to help us fund this channel. Thank you.
Virtual Bottle Program:
We have created a Virtual Bottle Shop on our website, and when you buy a Virtual Bottle we’ll call out your name when we use it on the show!
It’s a great way to help contribute to the show. If you don’t find the bottle you want to send our way, you can always \”sub\” it out with another bottle for the same price, just write us a note at checkout!
https://www.theeducatedbarfly.com/virtualbottles/
If you are interested in helping us offset the cost of production you should check out our YouTube Memberships or our Patreon page which has a bunch of great perks and goes a long way to helping us bring you quality content. You can find that here:
https://tinyurl.com/BarflyMember
https://www.patreon.com/theeducatedbarfly
Instagram: https://www.instagram.com/theeducatedbarfly
Facebook: https://www.facebook.com/theeducatedbarfly
For TShirts: https://teespring.com/stores/theeducatedbarfly
Here’s The Specs:
Eastside
2oz (60ml) London Dry Gin
.75oz (22.5ml) Lime Juice
.75oz (22.5ml) Simple Syrup
Small Palm Of Mint
2 cucumber Slices
Mint Leaf Garnish/Coupe
Bees Knees
2oz (60ml) London Dry Gin
.75oz (22.5ml) Lemon Juice
.75oz (22.5ml) Honey Syrup
Up Coupe/ Dehydrated Lemon Wheel, Lemon Wedge
Artillery
1.5oz (45ml) No. 3 London Dry Gin
1.5oz (45ml) Sweet vermouth
2 Dahses Orange Bitters
Martini
2oz (60ml) Gin
1oz (30ml) Dry Vermouth
4 Dashes Orange Bitters
Orange Twist
educatedbarfly theeducatedbarfly cocktail cocktailrecipe cocktails howtomakecocktails

My 4 Favorite Gin Cocktails - These Will Turn Gin Haters Into Lovers ❤️

How To Make A Moscow Mule Cocktail | Drinks Made Easy


How to make a Moscow Mule Cocktail by Drinks Made Easy. The cocktail’s inventor was Wes Price, Morgan’s head bartender and the drink was born out of a need to clear the bar’s cellar that was packed with unsalable goods such as Smirnoff Vodka and ginger beer.
Eric Felten quotes Wes Price in an article that was published in 2007 in The Wall Street Journal,
\”I just wanted to clean out the basement,\” Price would say of creating the Moscow mule. \”I was trying to get rid of a lot of dead stock.\” The first one he mixed he served to the actor Broderick Crawford. \”It caught on like wildfire,\” Price bragged.\” The Moscow mule is almost always served in a copper mug. The popularity of this drinking vessel is attributable to Martin, who went around the country to sell Smirnoff vodka and popularize the Moscow mule. Martin asked bartenders to pose with a specialty copper mug and a bottle of Smirnoff vodka, and photographed a Polaroid picture of them. He took two photos, leaving one with the bartender for display. The other photo would be put into a collection and used as proof to the next bar Martin visited of the popularity of the Moscow mule. The copper mug remains, to this day, a popular serving vessel for the Moscow mule. According to a 1942 Insider Hollywood article, the Moscow mule was most popular in Los Angeles, where it originated. The Nevada State Journal (12 October 1943) reinforced the mule’s popularity in reporting: \”Already the mule is climbing up into the exclusive handful of mostpopular mixed drinks\”. It became known as a favorite drink of Reno casino owner William F. Harrah. In his book Beat the Dealer (1964), Edward O. Thorp did not name the Tahoe casino where he thought he had been poorly treated as a card counter. Instead, he wrote, \”Immediately I had a Moscow mule\”, subtly hinting that the location was Harrah’s Lake Tahoe, due to Harrah’s then wellknown proclivity for the drink. Making this easy Vodka cocktail mixed drink recipe you will wow your guests with it’s tasty simplicity.
All you need is:
3/4 oz10 vodka,
3/4 oz to 1 oz Ginger syrup
3/4 oz lime juice
Top with soda water.
Ginger beer is the common way to make this with just the lime juice and vodka. It’s simpler, but fresh ingredients is always a better way to go. And there you have it, the moscow Mule Vodka and Ginger Beer Buck cocktail.
Follow us on Facebook: http://www.facebook.com/drinksmadeeasy Twitter: http://www.twitter.com/drinksmadeasy and instagram http:///www.instagram.com/drinksmadeeasy
Created and Produced by: Mike Quick
http://www.quickonemedia.com
Hosted and CoProduced by: Paul Masterson
Copyright Drinks Made Easy 2014

How To Make A Moscow Mule Cocktail | Drinks Made Easy

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่Wiki

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ smirnoff คือ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *